นางนิชาภา ยศวีร์ รองผู้อำนวยการสายงานธุรกิจ สำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ (องค์การมหาชน) หรือทีเส็บ เปิดเผยว่า ทีเส็บได้ปรับกลยุทธ์ทางการตลาดในปี 2562 ใหม่ เพื่อรับกับเทรนด์อุตสาหกรรมไมซ์ที่กำลังเกิดขึ้น และผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางไมซ์ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เชื่อมต่อเข้าถึงตลาดอาเซียนและซีแอลเอ็มวีที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยกลุ่มการจัดประชุมสัมมนาและอินเซนทีฟ (MI) เอเชียยังเป็นตลาดใหญ่ โดยเฉพาะจีน อินเดีย และอินโดนีเซีย

ทั้งนี้ กลยุทธ์ทางการตลาดของไมซ์ไทยในปีหน้า จึงโฟกัสไปที่ตลาดเอเชีย อาเซียน และตลาดระยะไกล (LongHaul) และได้ออกแคมเปญอาเซียน พลัส 6 เดสซิเนชัน

ที่มีสิทธิประโยชน์ให้กับผู้จัดงานไมซ์ในกลุ่มประเทศเพื่อนบ้านอาเซียน เพื่อดึงให้ผู้จัดงานและอีเวนต์ต่างๆ เข้ามาในไทย

นอกจากนี้ จะใช้ศักยภาพของประเทศไทยในการสร้างงานไมซ์ผ่านนโยบายไทยแลนด์ 4.0 โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายทั้งเก่าและใหม่ (S-Curve) ในการมีส่วนช่วยดึงนักลงทุนเข้าไทยผ่านงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ที่จะเกิดขึ้น

“ขณะนี้ทีเส็บได้เริ่มดึงงานอีเวนต์ขนาดใหญ่ระดับโลกที่สอดคล้องกับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาได้แล้ว 2-3 งาน รวมทั้งทีเส็บจะปรับบทบาทตัวเองใหม่ จากการเป็นผู้สนับสนุนด้านการตลาดสู่การเป็นผู้อำนวยความสะดวกและผู้พัฒนาสร้างงานควบคู่กับหน่วยงาน
ภาครัฐมากขึ้น” นางนิชาภา กล่าว

สำหรับแผนทำงานร่วมกับหน่วยงานภาครัฐคือ 1 กระทรวง 1 อีเวนต์สอดคล้องกับ 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งทีเส็บจะเป็นผู้เข้าไปบิดงานประชุมสัมมนาและงานแสดงนิทรรศการท็อป 3 ของแต่ละอุตสาหกรรม แล้วทำงานร่วมกับกระทรวงที่เกี่ยวข้อง

อย่างไรก็ดี ในปีงบประมาณ 2562 ทีเส็บคาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมไมซ์จะขยายตัว 8-10% คาดว่าจะมีนักเดินทางไมซ์รวมกลุ่มการจัดอีเวนต์ 1.41 ล้านราย สร้างรายได้เข้าประเทศ 1.3 แสนล้านบาท