IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
กล่าวได้ว่าเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมในมิติด้านสิ่งแวดล้อม ทั้งยังได้คะแนนสูงสุดมากถึง 7 หัวข้อ ถือเป็นเอกชนไทยรายเดียวที่ติดอันดับในกลุ่มอุตสาหกรรมดังกล่าวร่วมกับ SK Inc ธุรกิจโทรคมนาคมจากสาธารณรัฐเกาหลี Siemens AG บริษัทเทคโนโลยีของเยอรมัน Keppel Corporation Ltd. ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจนอกชายฝั่งและทางทะเลของสิงค์โปร์ และ Samsung C&T Corporation บริษัทชั้นนำด้านวิศวกรรมและการก่อสร้างระดับโลกจากสาธารณรัฐเกาหลี
คุณศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) เปิดเผยว่า การที่เครือซีพีได้รับการคัดเลือกติดอันดับองค์กรชั้นนำใน The Sustainability Yearbook 2024 ด้วยคะแนนติด hTOP 5% ในกลุ่มอุตสาหกรรม Industrial Conglomerates ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 จาก S&P Global สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของซีพีในการเดินหน้าสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 2030 ที่กำหนดไว้อย่างชัดเจนใน 3 เป้าหมายหลัก คือ
- ตั้งเป้าหมายนำองค์กรสู่ Carbon Neutral ( Scope 1 และ 2) ในปี 2030 เพื่อมุ่งสู่ Net Zero ในปี 2050
- ของเสียที่ถูกนำไปฝังกลบต้องเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill)
- สนับสนุนผู้คน 50 ล้านคนให้ได้รับการศึกษาที่มีคุณภาพ
โดย CP Group ติดอันดับ Top 5% ได้คะแนนความยั่งยืนรวมจาก S&P Global อยู่ที่ 79% โดยได้รับคะแนนสูงสุดใน 7 หัวข้อสำคัญ ได้แก่
- การบริหารจัดการห่วงโซ่อุปทาน
- การบริหารจัดการนวัตกรรม
- ประสิทธิภาพการใช้ทรัพยากรและการหมุนเวียน
- กลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศ
- ความหลากหลายทางชีวภาพ
- การบริหารจัดการความเสี่ยง
- จริยธรรมทางธุรกิจ
ปัจจุบันเครือซีพีและบริษัทในเครือฯ ได้ดำเนินการปรับโมเดลธุรกิจมุ่งส่งเสริมด้านสิ่งแวดล้อม เพื่อนำองค์กรสู่ Net Zero และ Zero Waste to Landfill อาทิ ได้มีการจัดการของเสีย ด้วยการนำมูลสัตว์ไปผลิตปุ๋ยอินทรีย์ไปแล้วกว่า 5.8 แสนตัน มีการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน โดยเลือกใช้บรรจุภัณฑ์พลาสติกที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ ใช้ซ้ำ หรือย่อยสลายได้ 94% การผลิตไฟฟ้าจาก Solar PV ฟาร์มสุกร การติดตั้ง Solar Rooftop ที่ห้างค้าปลีกค้าส่งซึ่งในตอนนี้มีการติดตั้งไปแล้ว 4,950 แห่ง ในขณะเดียวกันมีการใช้ไบโอแก๊สทดแทนการใช้ไฟฟ้าของฟาร์มสุกร และฟาร์มไก่ไข่ไปแล้ว 55% ทำให้ลดก๊าซเรือนกระจกลงได้ถึงกว่า 1.7 แสนตันคาร์บอน นอกจากนี้ยังได้มีการร่วมมือกับภาคีเครือข่าย เช่น ความร่วมมือกับโตโยต้าและซีเจพีที ในการผลิตไฮโดรเจนจากไบโอแก๊สที่ได้จากมูลไก่ของฟาร์มซีพีเอฟ พร้อมทั้งมีการทดลองใช้ไฮโดรเจนในรถขนส่งกลุ่มค้าปลีก และโดรนการเกษตรด้วย พร้อมทั้งสนับสนุนให้พนักงานในเครือฯ คู่ค้า เกษตรกรร่วมกันปลูกต้นไม้ ปัจจุบันปลูกไปแล้ว 8.2 ล้านต้น เทียบเท่าการดูดซับก๊าซเรือนกระจก 7.8 แสนตันคาร์บอน
นอกจากนี้เครือฯ ได้มีการวางแนวทางการลดก๊าซเรือนกระจกภายในปี 2030 แบ่งเป็น Scope 1 และ 2 เน้นไปที่การใช้พลังงานหมุนเวียน 50%ด้วยการใช้เชื้อเพลิงชีวมวล โซลาร์พีวี ก๊าซชีวภาพ รวมไปถึงมีการเพิ่มประสิทธิภาพพลังงาน 20% และลดขยะของเสียสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ ทั้งในเรื่องของการผลิตปุ๋ย การส่งเสริมการใช้พลังงานทางเลือก และในส่วนของ Scope 3 เป็นสิ่งที่ท้าทายอย่างมาก แต่เครือฯ ต้องทำให้สำเร็จ ด้วยการร่วมมือกับคู่ค้าในการลดคาร์บอน 25% ลดคาร์บอนจากเกษตรกรรม 30% และการลดคาร์บอนจากการขนส่ง 25% ตลอดห่วงโซ่อุปทาน เช่น การใช้รถยนต์ EV ในการขนส่งสินค้า และการบริหารจัดการ Logistics เป็นต้น
สำหรับการประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global ถือเป็นดัชนีที่ใช้ประเมินประสิทธิผลการดำเนินธุรกิจตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนของบริษัทชั้นนำระดับโลก เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียว่า บริษัทมีการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพในทุกมิติของความยั่งยืน ทั้งด้านเศรษฐกิจและการกำกับดูแล สังคม และสิ่งแวดล้อม สามารถสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนและสร้างคุณค่าระยะยาวให้กับผู้มีส่วนได้เสียอย่างรอบด้าน
โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา มีบริษัทเข้าร่วมการประเมินผลการดำเนินงานด้านความยั่งยืนกว่า 9,400 บริษัททั่วโลก และมีเพียง 759 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกจัดอันดับใน The Sustainability Yearbook 2024 โดยมีบริษัทจากประเทศไทยเพียง 47 บริษัทที่ได้รับการจัดอันดับ ซึ่งนอกจากเครือซีพียังมีบริษัทในเครือฯ ที่ได้เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนองค์กรของ S&P Global ได้แก่ บมจ. เจริญโภคภัณฑ์อาหาร บมจ. ซีพี ออลล์ บมจ. ทรู คอร์ปอเรชั่น และ บมจ. ซีพี แอ็กซ์ตร้า
“เนื้อหมูจากฟาร์มเกษตรกรรายย่อย” สู่ร้านค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ ซีพีเอฟ ช่วยหาตลาดรองรับ
อุตสาหกรรมหมูไทยที่ถูกหมูเถื่อนเข้ามาตีตลาด กระทบกับอาชีพเกษตรกรผู้เลี้ยงหมูอย่างหนักในช่วงหลายปีที่ผ่านมา บางรายต้องเลิกเลี้ยงเพราะทนแบกรับภาวะขาดทุนไม่ไหว แต่เรื่องนี้กลุ่มเกษตรกรรายย่อย ร่วม 5,000 ราย ในโครงการส่งเสริมอาชีพการเลี้ยงสุกรกับ ซีพีเอฟ ไม่ได้รับผลกระทบ เพราะมีบริษัทรับหน้าที่ช่วยหาตลาดรับซื้อผลผลิตหมูของเกษตรกรทั้งหมด เพื่อนำมาเข้ากระบวนการผลิตเป็นเนื้อหมูคุณภาพ จำหน่ายในร้านค้าปลีก-ค้าส่งขนาดใหญ่ (โมเดิร์นเทรด) อาทิ แม็คโคร โลตัส ตอกย้ำความมั่นใจแก่เกษตรกรว่าเป็นผู้ผลิตที่มีตลาดรองรับผลผลิตที่แน่นอน ขณะเดียวกัน ผู้บริโภคก็มั่นใจได้ว่าได้บริโภคเนื้อหมูคุณภาพมาตรฐาน และยังมีส่วนร่วมสนับสนุนเกษตรกรไทยมีอาชีพที่ยั่งยืน
คุณสมพร เจิมพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจสุกร ซีพีเอฟ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมาราคาหมูผันผวนมาก จากหมูเถื่อนที่มาตีตลาดหมูไทย ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ในรูปแบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ปัจจุบันมีเกษตรกรย่อยอยู่ในโครงการนี้ 5,000 ราย ถือเป็นเกราะป้องกันสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องเผชิญปัญหาความผันผวนของราคาหมู เนื่องจากเกษตรกรและบริษัทฯ ทำสัญญาตกลงราคากันไว้ โดยบริษัทฯ รับซื้อผลผลิตทั้งหมด เกษตรกรจึงไม่ต้องกังวลว่าผลิตแล้วจะไม่มีตลาดรองรับ ทำให้มีอาชีพที่ไร้ความเสี่ยงทั้งด้านราคาและการตลาด มีหลักประกันรายได้ที่มั่นคง
ซีพีเอฟ ดำเนินโครงการส่งเสริมอาชีพเกษตรกร ในรูปแบบคอนแทรคฟาร์มมิ่ง ปัจจุบันมีเกษตรกรย่อยอยู่ในโครงการนี้ 5,000 ราย ถือเป็นเกราะป้องกันสำคัญที่ช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องเผชิญปัญหาความผันผวนของราคาหมู เนื่องจากเกษตรกรและบริษัทฯ ทำสัญญาตกลงราคากันไว้ โดยบริษัทฯ รับซื้อผลผลิตทั้งหมด
ที่สำคัญ ผลผลิตหมูจากฝีมือเกษตรกรไทย ถูกส่งเข้าโรงงานเชือดชำแหละที่ได้มาตรฐานของ ซีพีเอฟ ผลิตเป็นเนื้อหมูคุณภาพจำหน่ายผ่านตลาดสด ร้านจำหน่ายเนื้อสัตว์ ร้านค้าปลีก และโมเดิร์นเทรดต่างๆ ส่งตรงถึงมือผู้บริโภค
นอกจากนี้ ซีพีเอฟ ยังถ่ายทอดองค์ความรู้ด้านการเลี้ยงสัตว์ สนับสนุนด้านการตลาดให้เกษตรกรผู้เลี้ยงหมูรายกลาง 500 ราย ถือเป็นการสร้างห่วงโซ่การผลิตอาหารปลอดภัยเพื่อผู้บริโภคชาวไทย
การรับบท ‘ผู้ช่วยหาตลาดรองรับผลผลิต’ จากเกษตรกรรายย่อย ที่ ซีพีเอฟ ทำมากว่า 50 ปี จึงมีส่วนช่วยให้เกษตรกรไม่ต้องกังวลเรื่องตลาดผันผวน ตัดวงจรเสี่ยงด้านราคา และเป็น “ตัวกลาง” ส่งต่อเนื้อหมูที่ผลิตจากฝีมือคนไทยเพื่อผู้บริโภคชาวไทยอย่างแท้จริง
เกษตรกร ปลื้ม‼️ "ซีพีเอฟ ปันน้ำปุ๋ย” ช่วยลดต้นทุน-ผ่านพ้นวิกฤตแล้ง
CPF เดินหน้า “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” แบ่งปันน้ำปุ๋ยจากระบบบำบัดของฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ ส่งให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกพืชในชุมชนรอบสถานประกอบการ บรรเทาผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุน เพิ่มรายได้
คุณสมคิด วรรณลุกขี ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจไก่ไข่ CPF เปิดเผยว่า คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ของ CPF ดำเนินโครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร ตั้งแต่ปี 2564 ด้วยการนำน้ำจากระบบไบโอแก๊ส (Biogas) ที่ผ่านการบำบัดแล้ว ส่งให้แก่เกษตรกรในพื้นที่ใกล้เคียงใช้ในสวนปาล์มน้ำมัน ไร่แตงโม ฟักทอง อ้อย ข้าวโพด และหญ้าเนเปียร์ ในปี 2566 คอมเพล็กซ์ไก่ไข่ 5 แห่ง ได้แก่ ฟาร์มสันกำแพง ฟาร์มจักราช ฟาร์มหนองข้อง ฟาร์มอุดร และฟาร์มจะนะ แบ่งปันน้ำปุ๋ยไปกว่า 181,000 ลูกบาศก์เมตร มากกว่า 145 ไร่ ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งแก่พี่น้องเกษตรกร และมีส่วนสำคัญในการสร้างความมั่นคงทางทรัพยากรน้ำให้ชุมชน
“CPF มีเป้าหมายไม่ปล่อยน้ำทิ้งออกภายนอกฟาร์ม หรือ Zero Discharge โดยน้ำหลังการบำบัดด้วย Biogas ยังคงมีแร่ธาตุที่เหมาะสมกับพืช ที่เรียกว่า “น้ำปุ๋ย” นำกลับมาใช้ประโยชน์ในฟาร์ม ทั้งรดต้นไม้ สนามหญ้า และแปลงผักปลอดภัยที่บุคลากรปลูกในพื้นที่ว่างของฟาร์ม เมื่อเกษตรกรรอบฟาร์มเห็นผลสำเร็จ พืชพันธุ์เติบโตดี จึงติดต่อขอรับน้ำไปใช้รดพืชผลในช่วงแล้งและช่วงปกติตลอดปี ช่วยเพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนค่าปุ๋ย ลดการใช้ปุ๋ยเคมี และเพิ่มรายได้แก่เกษตรกรได้เป็นอย่างดี” คุณสมคิด กล่าว
ด้าน คุณหล๊ะ ดุไหน ต้นแบบเกษตรกรที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มจะนะ จ.สงขลา กล่าวว่า ใช้น้ำปุ๋ยรดสวนปาล์ม 10 ไร่ และแปลงปลูกฟักทอง 10 ไร่ รอบการผลิตที่ผ่านมา น้ำปุ๋ยซึ่งเป็นปุ๋ยอินทรีย์ชั้นดี ช่วยให้ได้ผลผลิตฟักทองมากถึง 20,000 กิโลกรัม มีกำไร 200,000 บาท ส่วนรอบผลิตปัจจุบัน คาดว่า ผลผลิตจะเพิ่มขึ้น 20% ล่าสุด ยังไปใช้กับไร่แตงโมอีก 10 ไร่ ผลผลิตดีมาก เถาแตงแข็งแรง มีดอกมาก ติดผลดก แตงลูกใหญ่น้ำหนักดี น่าจะสร้างกำไรได้อย่างแน่นอน โดยจะขยายการผลิตในพืชชนิดอื่นๆ ต่อไป
ขณะที่ คุณวิโรจน์ ใจด้วง เกษตรกรปลูกหญ้าเนเปียร์ ที่รับน้ำปุ๋ยจากฟาร์มสันกำแพง จ.เชียงใหม่ ใช้น้ำปุ๋ย 720 ลูกบาศก์เมตรต่อรอบการผลิต ในการรดหญ้าเนเปียร์ 6 ไร่ ใช้เทคนิคผสมน้ำปุ๋ยกับน้ำคลอง ในอัตราส่วน 1:1 สามารถปลูกหญ้าเนเปียร์ได้ 4 รอบต่อปี ช่วยลดค่าปุ๋ยเคมีเฉลี่ย 16,000 บาทต่อปี หลังจากที่ได้ใช้น้ำปุ๋ย พบว่าต้นหญ้าโตเร็วกว่าปุ๋ยเคมี ต้นอวบแน่น ใบใหญ่ ได้ผลผลิตที่ดีมาก ปัจจุบันไม่มีภาระต้นทุนค่าปุ๋ยอีกเลย ขอบคุณ CPF ที่จัดโครงการฯ นี้ ช่วยให้ผ่านพ้นภัยแล้งและเพิ่มผลผลิตแก่เกษตรกร
CPF เดินหน้า “โครงการปันน้ำปุ๋ยสู่เกษตรกร” สู่ปีที่ 23 ทั้งในฟาร์มสุกรและคอมเพล็กซ์ไก่ไข่ ภายใต้การบริหารจัดการน้ำอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่การผลิต มุ่งใช้ทรัพยากรน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยยึดหลัก 3Rs ลดปริมาณการใช้น้ำดิบจากธรรมชาติอย่างเป็นรูปธรรม (Reduce) นำน้ำที่ผ่านกระบวนการบำบัดแล้วกลับมาใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) สอดคล้องกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ตามกลยุทธ์และเป้าหมายความยั่งยืน “CPF 2030 Sustainability in Action” สอดรับกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs)
ทีมนักออกแบบบรรจุภัณฑ์ CPF' คว้ารางวัลชนะเลิศการประกวด DTN Smart Labelling Contest 2023 จาก ก.พาณิชย์
CPF รับรางวัลชนะเลิศการออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากอัจฉริยะ จาก กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ก.พาณิชย์ ในงาน DTN Smart Labelling Contest 2023 ด้วยการออกแบบต้นแบบบรรจุภัณฑ์ฉลากอัจฉริยะ ที่ใช้เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) ผสานข้อมูลดิจิทัลเข้ากับโลกความเป็นจริง สามารถใช้เป็นกลยุทธ์ทางการตลาดเพื่อสื่อสารกับผู้บริโภค
โดยมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และ รมว.พาณิชย์ เป็นประธานมอบรางวัลชนะเลิศ ให้กับ ทีมออกแบบบรรจุภัณฑ์ CPF RD Center ประกอบด้วย คุณวรยศ สุขแช่ม และ คุณพรพิมล ตปนียะพงศ์ จากการนำเสนอโครงการต้นแบบบรรจุภัณฑ์ที่ใช้วัสดุบรรจุภัณฑ์ยั่งยืน ผสานกับเทคโนโลยีทันสมัย ภายใต้แนวคิด “อาหารที่ดีจะส่งมอบความรู้สึกที่ดีให้กับผู้บริโภค” ติด “ฉลากอัจฉริยะ”
CPF ในฐานะเป็นบริษัทผู้ผลิตอาหารชั้นนำระดับโลกร่วมขับเคลื่อนความมั่นคงทางอาหาร ให้ความสำคัญกับการออกแบบและพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารที่แสดงฉลากผลิตภัณฑ์ สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคในคุณภาพและความปลอดภัยของสินค้า เป็นส่วนหนึ่งในการส่งมอบอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการจากต้นทางและกระบวนการผลิตที่รับผิดชอบ ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค
งาน DTN Smart Labelling Contest 2023 จัดโดย กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อเสริมสร้างความรู้และความเข้าใจการทำฉลากอัจฉริยะแก่ผู้ประกอบการไทย พร้อมพัฒนานักออกแบบบรรจุภัณฑ์สินค้ารุ่นใหม่ให้ปรับตัวสอดรับกับกฎระเบียบ การเปลี่ยนแปลง และแนวปฏิบัติใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นของประเทศคู่ค้า โดยเฉพาะสหราชอาณาจักรและสหภาพยุโรป เพื่อเตรียมความพร้อมผู้ประกอบการให้สามารถรับมือกับการแข่งขันตลาดโลกได้
โดยงานดังกล่าว จัดมอบรางวัลเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2567 เวลา 11.00 น. ณ กระทรวงพาณิชย์ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้เป็นประธานในพิธีมอบรางวัล DTN Smart Labelling Contest 2023 แก่ผู้ชนะการประกวดออกแบบบรรจุภัณฑ์และฉลากอัจฉริยะ เพื่อรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ในตลาดโลก ที่เน้นสุขภาพ ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม ให้สินค้าไทยเติบโตในตลาดโลกได้อย่างยั่งยืน
ผู้เชี่ยวชาญ TPM จากญี่ปุ่น ยกย่อง ‘ธุรกิจอาหารสัตว์บก CPF’ เป็นเลิศด้านการผลิต-บุคลากร
CPF ธุรกิจผลิตอาหารสัตว์บก ได้รับการตรวจประเมินเพื่อยืนยันความสำเร็จในระดับที่สูงขึ้นในการดำเนินระบบการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม หรือ Total Productive Maintenance : TPM 2023 จากสถาบัน JIPM ประเทศญี่ปุ่น โดยมี Prof.Dr.Hirokazu KONO และ Mr. Zensuke MATSUDA เป็นผู้ตรวจประเมิน รวม 2 โรงงาน ใน จ.ขอนแก่น และ ศรีราชา จ.ชลบุรี พร้อมกล่าวชื่นชม CPF เป็นองค์กรต้นแบบธุรกิจเกษตรอุตสาหกรรม และมี คุณบุญเสริม เจริญวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ด้านบริหารกระบวนการ ธุรกิจอาหารสัตว์บก และผู้บริหาร CPF ร่วมให้การต้อนรับ
จากการตรวจประเมิน ผลปรากฏว่า CPF คว้า 2 รางวัลระดับโลก ได้แก่ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกขอนแก่น ประเภท Award for TPM Excellence, Category A และ โรงงานผลิตอาหารสัตว์บกศรีราชา ประเภท Award for Excellence in Consistent TPM Commitment
CPF มอบประกาศนียบัตร Smart IA รุ่นที่ 1 ตอกย้ำกระบวนการผลิตอาหาร ‘คุณภาพ-ความปลอดภัย
คุณสิริพงศ์ อรุณรัตนา ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจสัตว์บก CPF เป็นประธานมอบประกาศนียบัตรให้แก่ SMART IA ในโครงการ "SMART IA -Internal Audit ทีมเก่ง งานแกร่ง" พัฒนาบุคลากรและสร้างผู้ตรวจประเมินภายในที่มีความสามารถตรงตามมาตรฐานสากล ISO 19011:2018 เป็นแนวทางการตรวจประเมินระบบการจัดการสู่การพัฒนาและปรับปรุงด้านคุณภาพความปลอดภัยอาหารและผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน
CPF โดยสำนักระบบมาตรฐานสากล คิกออฟโครงการ SMART IA : Pilot Project ในธุรกิจไก่เนื้อครบวงจรโคราช เป็นต้นแบบ "Korat model" ตั้งแต่ปี 2565 และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ครอบคลุมธุรกิจไก่เนื้อ เป็ดเนื้อครบวงจรสระบุรี มีนบุรี และบางนา ปัจจุบัน มี SMART IA ที่มีศักยภาพและปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินภายในตามหลักเกณฑ์ของโครงการฯ 55 คน ครอบคลุมตลอดห่วงโซ่คุณค่า (CPF Value Chain) ภายในงาน คุณเรวัติ หทัยสัตยพงศ์ ผู้อำนวยการใหญ่ ธุรกิจอาหารสัตว์บก พร้อมด้วย คุณนิธิวัชร์ จิรายุธัญวัฒน์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจไก่เนื้อ คุณธีรยุทธ พัชรมณีปกรณ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ธุรกิจเป็ดเนื้อ และ คุณอรพรรณ มั่งมีศรี ผู้อำนวยการ สำนักระบบมาตรฐานสากล CPF ร่วมยินดี ณ CP Tower สีลม
"CPF มีวิสัยทัศน์เป็นครัวของโลกที่ยั่งยืน ตระหนักและให้ความสำคัญกับพัฒนาศักยภาพบุคลากรทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจประเมินภายใน เพื่อพัฒนาปรับปรุงองค์กรในเชิงลึกด้วยกิจกรรมการตรวจประเมินภายใน ให้เป็นทีมที่เก่งและทำงานในทิศทางเดียวกันตามหลักสากล ขอบคุณ Smart IA ทุกท่าน ที่มุ่งมั่นทำหน้าที่จนสำเร็จ ซึ่งจะช่วยขับเคลื่อนระบบ พัฒนาองค์กร และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในอุตสาหกรรมอาหารได้อย่างยั่งยืน" คุณสิริพงศ์ กล่าว
เปิดภารกิจ 'CPF' ลดก๊าซเรือนกระจก ลดผลกระทบภาวะโลกร้อน
CPF มุ่งมั่นขับเคลื่อนองค์กรสู่เป้าหมายลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net-Zero) ภายในปี 2050 เดินหน้าภารกิจหลัก 4 ด้านสำคัญ ดังนี้
1. ห่วงโซ่อุปทาน ปราศจากการตัดไม้ทำลายป่า
- การจัดหาวัตถุดิบทางการเกษตรอย่างรับผิดชอบ
- การตัดไม้ทำลายป่าเป็นศูนย์ อาทิ ข้าวโพด ถั่วเหลือง น้ำมันปาล์ม มันสำปะหลัง
- ใช้ระบบตรวจสอบย้อนกลับ เทคโนโลยี Blockhain และภาพถ่ายดาวเทียม
- ไม่รับและไม่นำเข้าผลผลิตข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่รุกป่า และพื้นที่ที่มาจากการเผา ตามนโยบายเครือซีพี
2. เทคโนโลยีเศรษฐกิจหมุนเวียน
- ผลิตพลังงานทดแทน และใช้พลังงานสะอาดในกระบวนการผลิต เช่น พลังงานชีวมวล พลังงานก๊าซชีวภาพ พลังงานแสงอาทิตย์
- ลดปริมาณขยะอาหารให้เป็นศูนย์ และ 100% ของบรรจุภัณฑ์พลาสติกสำหรับอาหาร สามารถนำกลับไปใช้ใหม่ได้
3. เทคโนโลยีดิจิทัล
- ใช้ ‘ระบบข้อมูลอัจฉริยะ’ ’โรงงานผลิตอาหารสัตว์อัจฉริยะ‘ ‘ฟาร์มอัจฉริยะ’ และ โรงงานผลิตอาหารอัจฉริยะ เพื่อผลิตอาหารคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย มีคุณค่าทางโภชนาการ และการบริโภคอย่างยั่งยืน
4. เทคโนโลยีด้านสภาพภูมิอากาศ
- ส่งเสริมอาคารสีเขียว (Green Building) การขนส่งด้วยยานยนต์ จากพลังงานไฟฟ้า
- ศึกษาพลังงานไฮโดรเจน จากมูลสัตว์ เพื่อเป็นเชื้อเพลิงทางเลือกในอนาคต ที่เป็นพลังงานสะอาด 100% มาผลิตกระแสไฟฟ้าและพลังงานในกระบวนการผลิตของโรงงาน
โดย CPF เชื่อว่า...การเปลี่ยนแปลงของทุกพลังเล็กๆ จะสามารถขับเคลื่อนโลกไปข้างหน้าได้อย่างยั่งยืน : Small Actions, Million Impact เพื่อพรุ่งนี้...ที่ดีกว่า