IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
เนื่องจากรายได้จากโรงไฟฟ้าชีวมวลยังคงเติบโตดี และความต้องการเยื่อกระดาษชานอ้อยซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมก็สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการรณรงค์รักษ์สิ่งแวดล้อม ลดการใช้วัสดุที่ย่อยสลายยาก
นายณัฎฐปัญญ์ ศิริวิริยะกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ KTIS ผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจของกลุ่ม KTIS ในปี 2562 นี้ว่า สายธุรกิจชีวภาพซึ่งประกอบด้วยโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงชีวมวล โรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อย และโรงงานผลิตและจำหน่ายเอทานอล ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สายธุรกิจน้ำตาลทรายนั้นขึ้นอยู่กับราคาน้ำตาลในตลาดโลก
"ในปีที่ผ่านมา (งบการเงินสิ้นสุด 30 กันยายน 2561) สัดส่วนรายได้จากสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย มีสัดส่วน 75.4% ในขณะที่สายธุรกิจชีวภาพมีสัดส่วน 24.6% ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้านั้นที่มีสัดส่วน 22.9% เนื่องจากโรงไฟฟ้าชีวมวลมีรายได้เติบโตอย่างโดดเด่น โดยทิศทางของปีนี้รายได้จากสายธุรกิจชีวภาพก็น่าจะมีสัดส่วนเพิ่มขึ้นอีก คาดว่าจะสูงกว่า 25% ของรายได้รวม เนื่องจากปริมาณอ้อยและน้ำตาลทรายในฤดูการผลิต 2561/2562 น้อยกว่าฤดูการผลิตของปีก่อน (ซึ่งปีก่อนสูงมากเป็นประวัติการณ์) และราคาน้ำตาลตลาดโลกก็ยังคงผันผวน" นายณัฎฐปัญญ์ กล่าว
สำหรับโรงงานผลิตเยื่อกระดาษชานอ้อยและบรรจุภัณฑ์จากเยื่อชานอ้อยนั้นก็มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะกระแสรักโลกรักษ์สิ่งแวดล้อม
กระแสการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกและวัสดุย่อยสลายยาก ทำให้คนหันมาใช้วัสดุอุปกรณ์และบรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากธรรมชาติ 100% มากขึ้น
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม KTIS กล่าวด้วยว่า ธุรกิจของกลุ่ม KTIS ยังคงพัฒนาไปตามปรัชญาขององค์กรที่ว่า KTIS More Than Sugar ซึ่งการต่อยอดไปยังธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องนั้นได้กระทำอย่างรอบคอบ ระมัดระวัง ส่วนสายธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายก็ได้พัฒนาให้ดีขึ้นตลอดเวลา ด้วยการสนับสนุนจากบริษัทเคทิส วิจัยและพัฒนา เพื่อให้กลุ่ม KTIS เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน