IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายทาคาโนบุ อะซึมะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการของบริษัทฯในปี 2564 ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นคิดเป็นมูลค่ารวม 6.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 30% จากภาพรวมของตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรของไทยขยายตัวเพิ่มขึ้น 22% จากปัจจัยบวกมาจากสภาพอากาศปริมาณน้ำฝนสำหรับการเพาะปลูกมีเพียงพอส่วนเป้าหมายปี 2565 บริษัทฯตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 6.3 หมื่นล้านบาท ลดลงเล็กน้อย ทั้งนี้ยอดขายยังคงเติบโตเท่ากับที่ตั้งเป้าไว้เมื่อเทียบกับปี 2563 จากแนวโน้มภาคการเกษตรที่ยังอยู่ในความสนใจของเกษตรกรและผู้ประกอบการ
เกษตรกรไทยยังมีกำลังซื้อเครื่องจักรกลเกษตร อีกทั้งประเทศจีนมีความต้องการสินค้าเกษตรไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลต่อยอดการส่งออกสินค้าเกษตรที่เพิ่มขึ้น
"เหตุผลที่ตั้งเป้าหมายรายได้ดังกล่าว ส่วนหนึ่งเนื่องจากรัฐบาลลดสเกลการผลิตลง ส่วนปัญหาโควิดที่ผ่านมาเราเห็นเทรนด์การทำเกษตรหลากหลายมากขึ้น ความต้องการซื้อล่วงหน้า ดีหมด การเกษตรยังไปได้ดีหมด ส่วนปีนี้มองว่าครึ่งปีแรกไม่น่ามีปัญหา ต้องรอดูครึ่งปีหลังอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรเพราะเรื่องน้ำน่าจะเป็นปัจจัยสำคัญ"
โดยบริษัทฯ ยังคงสานต่อนโยบายของคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ที่มุ่งมั่นทำให้ คูโบต้าเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก หรือ Global Major Brand (GMB) ภายในปี 2573 โดยวางเป้าหมายเป็น “Essentials Innovator for Supporting life” สร้างความเชื่อมั่นในนวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตรในรูปแบบต่างๆ ให้กับลูกค้าที่มีทั่วโลก พร้อมกับการเป็นองค์กรที่ตอบแทนสังคม ดำเนินธุรกิจโดยการพัฒนาสินค้าเพื่อสานต่อความยั่งยืนทั้งด้านอาหาร น้ำ และสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2565 สยามคูโบต้าตั้งมั่นจะเป็นเทรนด์แห่งการเกษตรสมัยใหม่ Smart Farm
ทั้งนี้ จึงได้เกิดการร่วมมือระหว่าง เอสซีจี และคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น จัดตั้ง “บริษัท เกษตรอินโน จำกัด” (KasetInno) ให้บริการโซลูชั่นการเกษตรครบวงจร ด้วยการนำเอาองค์ความรู้ด้านพืช เครื่องจักรกลการเกษตร และระบบ IoT ที่ทันสมัย เพื่อให้การทำเกษตรก้าวข้ามขีดจำกัดสู่ความเป็นไปได้สำหรับทุกคน ในคอนเซ็ปต์ “ออกแบบโลกเกษตร เพื่อทุกความเป็นไปได้” พร้อมประกาศวิสัยทัศน์สู่การเป็นผู้นำนวัตกรรมเกษตรครบวงจร เดินหน้าการเป็น Smart Farming ด้วยแพลตฟอร์มบริการด้านนวัตกรรมการเกษตร เพื่อตอบโจทย์เกษตรกรและสร้างโอกาสให้คนที่สนใจเข้าถึงโลกของการเกษตรได้ง่ายขึ้น มุ่งสู่การต่อยอด และสร้างโอกาสการเติบโตทางธุรกิจให้กับภาคการเกษตรของไทยในอนาคต พร้อมยกระดับคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรอย่างยั่งยืน
นางสาวนันทภรณ์ อังศุกุลธร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เกษตรอินโน จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่อง นวัตกรรมและเทคโนโลยีจึงเข้ามามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาด้านต่างๆ รวมถึงในภาคการเกษตรเพื่อตอบโจทย์เกษตรกรสู่การเป็น Smart Farmer อย่างมีประสิทธิภาพ และด้วยจุดแข็งของ 3 องค์กรชั้นนำ ได้แก่ เอสซีจี ซึ่งเป็นองค์กรที่มุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมอย่างสม่ำเสมอ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า สังคม และสิ่งแวดล้อม บริษัทสยามคูโบต้าคอร์ปอเรชั่น จำกัด และคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเครื่องจักรกลและนวัตกรรมการเกษตรเพื่ออนาคต ตลอดจนเทคโนโลยี IoT ที่มีประสิทธิภาพ
โดยมุ่งมั่นเพิ่มศักยภาพในการพัฒนาสินค้าและบริการ รวมไปถึงพัฒนาธุรกิจใหม่ๆ ในอนาคต เพื่อตอบสนองรูปแบบชีวิตของผู้บริโภคที่หลากหลายมากขึ้น อาทิ เทรนด์เรื่องความมั่นคงทางอาหาร หรือ Food Security รวมถึงสถานการณ์โควิด 19 ทำให้ผู้คนส่วนหนึ่งตัดสินใจที่จะกลับภูมิลำเนาเพื่อมาทำการเกษตร และกลุ่มคนเมืองที่หันมาสนใจทำการเกษตรมากขึ้น จึงได้เล็งเห็นถึงความสำคัญในการยกระดับภาคการเกษตรของไทยให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน ประกอบกับการส่งเสริมเรื่อง Smart Farming จะต้องอาศัยความร่วมมือจากพันธมิตรที่มีความโดดเด่นในด้านต่างๆ เพื่อเพิ่มความคล่องตัวและขีดความสามารถในการดำเนินธุรกิจ
ด้าน นางวราภรณ์ โอสถาพันธุ์ กรรมการรองผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ภาวะเศรษฐกิจภาคการเกษตรของไทยภายในปี 2664 ที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่การส่งออกสินค้าทางการเกษตรกลับมีแนวโน้มที่ดีขึ้น คาดในปี 2565 นี้ ตลาดเครื่องจักรกลการเกษตรน่าจะยังเติบโตต่อไปได้ด้วยเทรนด์โลกในด้านความมั่นคงทางด้านอาหาร (Food Security) ที่มีความต้องการสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพอย่างต่อเนื่องซึ่งเกษตรกรจะหันมาใช้เครื่องจักรทดแทนแรงงานมากขึ้น อันจะส่งผลดีต่อธุรกิจของบริษัทฯ ซึ่งสยามคูโบต้ายังคงเดินหน้าโครงการ KUBOTA On Your Side ที่เข้าไปช่วยเหลือและร่วมมือกับภาคส่วนต่างๆ ในวิกฤติโควิด-19 หรือแม้กระทั่งโครงการ Zero Burn เกษตรปลอดการเผา เพื่อลดมลภาวะ PM 2.5 และปัญหาสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ถือเป็นการก้าวสู่การเป็นแบรนด์ชั้นนำระดับโลก
โดยบริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญต่อการดูแลสังคมด้วยนโยบาย ESG ที่มุ่งเน้นใน 3 มิติ คือ
- ด้านสิ่งแวดล้อม (Environment) นำเอาเทคโนโลยีผสานองค์ความรู้ มาช่วยลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต เพิ่มประสิทธิภาพการทำเกษตรที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม ภายใต้โครงการคูโบต้าฟาร์ม และเกษตรปลอดการเผา
- ด้านสังคม (Social) ผ่านกิจกรรม CSR ที่ช่วยเหลือสังคม ตลอดจนส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจชุมชนเกษตรให้มีรายได้อย่างยั่งยืน ครอบคลุมพื้นที่ 27,000 ไร่ และมีเกษตรกรภายใต้โครงการกว่า 1,700 ราย
- ด้านบรรษัทภิบาล (Governance) เป็นองค์กรที่น่าเชื่อถือ บริหารงานอย่างโปร่งใส และมีธรรมาภิบาล
สำหรับสินค้าและบริการของ เกษตรอินโน จะประกอบด้วย 2 ส่วน ได้แก่
- ส่วนแรก คือ เกษตรอินโน โซลูชั่น (KasetInno Solutions) ประกอบด้วย Farm Design, Farm Development และ Farm Care บริการออกแบบ พัฒนา และดูแลฟาร์มเกษตรครบวงจร เพื่อช่วยวางแผนในการทำเกษตรให้แก่กลุ่มคนที่สนใจการทำเกษตรแต่ยังไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงในการเริ่มต้นรวมไปถึงกลุ่มคนที่มีพื้นที่ว่างเปล่าหรือกลุ่มองค์กรธุรกิจการเกษตรที่ต้องการองค์ความรู้และนวัตกรรมไปใช้บริหารจัดการฟาร์มให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ตลอดจนกลุ่มเกษตรกรมืออาชีพที่มีพื้นที่ทำเกษตรเดิมอยู่แล้ว แต่ต้องการระบบการจัดการรวมถึงเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ไปช่วยให้การทำเกษตรง่ายขึ้น
- ส่วนที่สอง คือ Farm & Machinery Management Platform ระบบบริหารจัดการฟาร์มและเครื่องจักร ด้วยแอปพลิเคชั่นที่เข้ามาช่วยในการบริหารจัดการฟาร์มและเครื่องจักรกลฯ ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้เพื่อช่วยขับเคลื่อนให้เกษตรกรไทยอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืนด้วยการใช้เทคโนโลยีอีกทั้งยังช่วยลดการใช้ทรัพยากรต่างๆ ซึ่งในปีนี้สยามคูโบต้าจะมุ่งเน้นไปที่การจัดการน้ำและปุ๋ยที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อม ดิจิทัลแพลตฟอร์มส่งเสริมเกษตรแม่นยำ และพัฒนาผลิตภัณฑ์ลดการปล่อยมลพิษลง โดยมีเป้าหมายการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้เป็นศูนย์ หรือ Net Zero CO2 ในปี 2593 ตามแนวทางคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น ญี่ปุ่น อีกด้วย
นอกจากนี้ สยามคูโบต้า ยังได้เปิดตัวแคมเปญ “Renew your Agri-life together ก้าวสู่ชีวิตเกษตรใหม่ไปด้วยกัน" มุ่งหวังในการสื่อสารแบรนด์ในฐานะผู้นำนวัตกรรมการเกษตรที่เข้าถึงหัวใจทุกคน ทั้งเกษตรกร กลุ่มคนรุ่นใหม่ และคนเมืองที่สนใจด้านการเกษตร เพื่อสร้างจุดเปลี่ยน ด้วยการนำนวัตกรรมที่พร้อมพาผู้คนก้าวข้ามสู่โลกแห่งการทำเกษตรในรูปแบบใหม่ ที่จะเป็นก้าวสำคัญของการเปลี่ยนแปลงของภาคการเกษตรไทยในอนาคต
ล่าสุดสยามคูโบต้า ร่วมลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือทางวิชาการ (MOU) กับ มหาวิทยาลัยเกษตรศาตร์ ว่าด้วยการดำเนินการพัฒนาการศึกษาด้านเทคโนโลยีการเกษตร ต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 (2565-2570) วัตถุประสงค์เพื่อการแลกเปลี่ยนความรู้และข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยและพัฒนาด้านการเกษตรด้วยการใช้เครื่องทุ่นแรง นอกจากนี้ยังพัฒนาบุคลากรและนักศึกษาทางวิชาการด้านเทคโนโลยีการเกษตรและนวัตกรรม จนนำไปสู่การพัฒนาเกษตรกรและความมั่นคงในอาชีพเกษตรกรรมอย่างยั่งยืน
ด้าน นายพิษณุ มิลินทานุช ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้จัดการทั่วไป สายงานขาย การตลาดและบริการ บริษัท สยามคูโบต้า คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ในปี 2564 ที่ผ่านมานั้น สยามคูโบต้ายังคงเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร และตลาดรถขุดเล็ก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ในปีนี้จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มพืชมูลค่าสูง อาทิ เครื่องตัดหญ้าเนเปียร์ สำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมและพลังงานชีวมวล แทรกเตอร์ B2401 พร้อมเครื่องตัดหญ้าใต้ท้องรถ (Mid mower) โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตสูงถึง 60% ส่งผลให้เกษตรกรหันมาเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียนโตขึ้นเฉลี่ย 10% และพัฒนารถดำนาเดินตาม 6 แถวใหม่ นอกจากนี้ยังขยายฐานลูกค้าสู่นอกภาคเกษตรอย่างรถกระบะบรรทุกหนัก มุ่งรุกตลาดน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล ตราช้าง ซุปเปอร์ คอมมอนเรล โดยอาศัยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing
นอกจากนี้บริษัทฯยังให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) เพื่อสื่อสารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระบบ QRoC หรือ QRadar on Cloud ที่คอยตอบคำถามเพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างบริการผ่านช่องทางไลน์ ระบบ Scan QR code เพิ่มความสะดวกสบายในการจ่ายค่าบริการที่หน้างานของลูกค้า รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์แชทสอบถามข้อมูลอะไหล่ในเวบไซต์ KUBOTA Store ทั้งนี้เพื่อมุ่งยกระดับการบริการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าและรับบริการที่ดีเยี่ยม สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีแผนขยายศูนย์กระจายอะไหล่สยามคูโบต้าไปยังภูมิภาคต่างๆ อีก 2 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา และฉะเชิงเทรา รองรับการจัดส่งอะไหล่แท้พร้อมถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและอุ่นใจยิ่งขึ้น
พร้อมกันนี้สยามคูโบต้ายังมีกิจกรรมด้านความช่วยเหลือเกษตรกรอย่างต่อเนื่อง จึงได้วางแผนสานต่อ “โครงการคูโบต้าร่วมมือ เกษตรร่วมใจ เฟส 2” ทั้งการขยายจำนวนเพิ่มชุมชนต้นแบบบริหารจัดการเครื่องจักรแบบรวมกลุ่มอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฟสแรกมีวิสาหกิจชุมชนที่เข้าร่วมโครงการแล้ว 124 กลุ่ม ใน 48 จังหวัด และเสริมศักยภาพด้านอื่นๆ เพื่อให้กลุ่มวิสาหกิจชุมชนต้นแบบมีความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในเจตนารมณ์ของสยามคูโบต้าที่จะร่วมขับเคลื่อนภาคการเกษตรไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน
แทรกเตอร์ B2401
“ในปีที่ผ่านมา สยามคูโบต้ายังคงเป็นผู้นำตลาดเครื่องจักรกลการเกษตร และตลาดรถขุดเล็ก เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำตลาด ในปีนี้จึงได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าที่ตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในภาคเกษตร โดยเฉพาะกลุ่มพืชมูลค่าสูง อาทิ เครื่องตัดหญ้าเนเปียร์ สำหรับธุรกิจฟาร์มโคนมและพลังงานชีวมวล แทรกเตอร์ B2401 พร้อมเครื่องตัดหญ้าใต้ท้องรถ (Mid mower)โดยในปีที่ผ่านมามูลค่าการส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตสูงถึง 60% ส่งผลให้เกษตรกรหันมาเพิ่มพื้นที่ปลูกทุเรียนโตขึ้นเฉลี่ย 10% และพัฒนารถดำนาเดินตาม 6 แถวใหม่”
นอกจากนี้สยามคูโบต้ายังขยายฐานลูกค้าสู่นอกภาคเกษตรอย่างรถกระบะบรรทุกหนัก มุ่งรุกตลาดน้ำมันเครื่องยนต์ดีเซล ตราช้าง ซุปเปอร์ คอมมอนเรล โดยอาศัยกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Personalized Marketing รวมถึงให้ความสำคัญในการพัฒนาเทคโนโลยีดิจิทัล (Digitalization) เพื่อสื่อสารและตอบสนองความต้องการของลูกค้าที่มีจำนวนมากขึ้นได้อย่างรวดเร็ว อาทิ ระบบ QROC หรือ Quick Response Operational Center ที่คอยตอบคำถามเพื่อสนับสนุนการทำงานของช่างบริการผ่านช่องทางไลน์ ระบบ Scan QR code เพิ่มความสะดวกสบายในการจ่ายค่าบริการที่หน้างานของลูกค้า รวมถึงการเพิ่มฟีเจอร์แชทสอบถามข้อมูลอะไหล่ในเว็บไซต์ KUBOTA Store ทั้งนี้เพื่อมุ่งยกระดับการบริการให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์การซื้อสินค้าและรับบริการที่ดีเยี่ยม สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในยุคปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีแผนขยายศูนย์กระจายอะไหล่สยามคูโบต้าไปยังภูมิภาคต่างๆ อีก 2 แห่งที่จังหวัดนครราชสีมา และฉะเชิงเทรา รองรับการจัดส่งอะไหล่แท้พร้อมถึงมือลูกค้าได้รวดเร็วและอุ่นใจยิ่งขึ้น