Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha
Srivisal-strip-Glass & Plastic-Strip-Head

BGC เพิ่มลงทุน 2.5 พันล้านบาท วางเป้าหมาย 5 ปี สู่การเติบโต 2 เท่า

บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) เดินหน้าลงทุนกว่า 2.5 พันล้านบาท ขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง สร้าง ‘การเติบโตรอบใหม่ที่ท้าทายและน่าสนใจ’  พร้อมชู 3 โปรเจกต์ ดัน BGC สร้างความได้เปรียบด้านการเป็นผู้ผลิตบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ของไทยและอาเซียน สู่การต่อยอดการเป็นบริษัทที่ผลิตบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจร

นายศิลปรัตน์ วัฒนเกษตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บีจี คอนเทนเนอร์ กล๊าส จำกัด (มหาชน) หรือ BGC ผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้วรายใหญ่ในไทยและภูมิภาคอาเซียน เปิดเผยว่า บริษัทได้วางงบลงทุนไว้ราว 2,400-2,500 ล้านบาท เพื่อจะใช้ในการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องด้วยงบลงทุนไม่เกิน 2,000 ล้านบาท และงบลงทุนราว 400-500 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2565 นี้ วางเป้าหมายการเติบโตของยอดขายไว้ไม่ต่ำกว่า 5-10% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่คาดว่าจะคลี่คลายอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการเริ่มทยอยลดการบังคับใช้มาตรการต่างๆลง ซึ่งจะเข้ามาช่วยหนุนให้มีการฟื้นตัวของเศรษฐกิจทั้งในประเทศและทั่วโลก ขณะที่ภาคธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาให้บริการมากขึ้น อาทิ ร้านอาหาร ผับ บาร์ สามารถกลับมาเปิดให้บริการและประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลดีการบริโภคสินค้าและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น

โดยบริษัทได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง และได้เพิ่มสัดส่วนการใช้เศษแก้วในเตาหลอมเพื่อลดการใช้พลังงาน ในขณะเดียวกันยังได้ปรับราคาสินค้าให้เหมาะสมกับต้นทุนการผลิตที่ปรับตัวสูงขึ้นด้วย

สำหรับผลการดำเนินงานในปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทฯ สามารถทำผลการดำเนินงานอยู่ในระดับที่น่าพอใจ ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจในปีที่ผ่านมาที่ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและหลายอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบจากการบังคับใช้มาตการล็อกดาวน์เพื่อยับยั้งการแพร่ระบาดของ COVID-19 โดยบริษัทฯ มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 12,387 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อน ส่วนกำไรสุทธิทำได้ 523 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อนทั้งนี้ ผลการดำเนินงานที่รักษาการเติบโตทั้งรายได้และกำไร มาจากปริมาณการขายบรรจุภัณฑ์ในปี 2564 ที่เพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงศักยภาพในการขยายตลาดและปรับกลยุทธ์เพื่อเพิ่มยอดขาย ท่ามกลางสถานการณ์ตลาดที่มีความท้าทายจากการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์ในประเทศไทยและอีกหลายประเทศทั่วโลก รวมถึงปัญหาขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์ขนส่งสินค้า อย่างไรก็ตามบริษัทฯ สามารถขยายตลาดส่งออกไปยังสหรัฐอเมริกา ซึ่งเป็นลูกค้าหลักของตลาดต่างประเทศ

ธุรกิจผลิตและจำหน่ายฟิล์มพลาสติกที่ BGC เพิ่งซื้อเข้ามาใหม่ เป็นโมเดลธุรกิจที่ต้องการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการกระจายความเสี่ยงจากผลิตภัณฑ์บรรจุแก้ว

นอกจากนี้ ในรอบปีที่ผ่านมา บริษัทฯได้ขยายการลงทุนโดย

  1. เข้าถือหุ้น 100% ใน บริษัท บีจี แพคเกจจิ้ง จำกัด (BGP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายฟิล์มพลาสติก ฝาพลาสติก ขวด PET หลอดพรีฟอร์ม
  2. เข้าถือหุ้น 100% ใน บริษัท บางกอกบรรจุภัณฑ์ จำกัด (BVP) ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายบรรจุภัณฑ์กระดาษ กำลังการผลิตประมาณ 5 หมื่นตันต่อปี เพื่อปรับโมเดลธุรกิจสู่ Total Packaging Solutions ที่มีบรรจุภัณฑ์พร้อมบริการที่หลากหลาย จากเดิมที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์แก้ว ส่งผลดีต่อการเพิ่มยอดขายสินค้าจากบรรจุภัณฑ์อื่น และสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง

ทั้งนี้ ประเมินว่าในปี 2565 แนวโน้มตลาดบรรจุภัณฑ์ทั่วโลกจะฟื้นตัวและเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังจากคาดการณ์ว่าสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 ในฝั่งยุโรปและอเมริกาได้ผ่านจุดเลวร้ายที่สุดไปแล้ว โดยประเทศแถบยุโรปเริ่มทยอยลดการบังคับใช้มาตรการต่าง ๆ ส่งผลให้ภาคธุรกิจ เช่น ร้านอาหาร ผับ บาร์ สามารถกลับมาเปิดให้บริการและประชาชนใช้ชีวิตได้ตามปกติ ซึ่งจะส่งผลดีการบริโภคสินค้าและความต้องการใช้บรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น

“บรรจุภัณฑ์แก้วเป็นบรรจุภัณฑ์ที่เราดำเนินการผลิตมายาวนาน เราจึงมีความเชี่ยวชาญและนับว่าเป็นผู้ผลติรายใหญ่ของประเทศไทยในระดับอาเซียน แผนการดำเนินงานก้าวต่อไป คือการเติบโตที่เป็นเชิงบวกมากขึ้น เพื่อจะได้สร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดยภายใน 5 ปีนับจากนี้ บริษัทฯตั้งเป้าหมายการเติบโตให้ได้ 2 เท่า ซึ่งต้องโตอย่างน้อย 10% หรือบางปีอาจต้องโตถึง 20% โดยการเติบโตของบริษัทฯ จะไม่ได้มาจากกำลังการผลิตที่มีอยู่ในปัจจุบันนี้เท่านั้น จึงต้องมีการเพิ่มกำลังการผลิต รวมถึงไปมีหุ้นส่วนหรือพันธมิตรทางธุรกิจอื่นๆ ด้วย เพื่อเพิ่มกำลังการผลิตเข้ามา ให้สามารถโตตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ 100% ภายใน 5 ปี นับจากนี้” นายศิลปรัตน์ กล่าว

อันดับแรกคือเราจะมองหาธุรกิจที่จะต่อยอดจากบรรจุภัณฑ์แก้ว ซึ่งเป็นธุรกิจแรกที่เราจะมองหาคนที่จะมาเป็น Partnership ด้วย ซึ่งต้องเป็นองค์กรที่มีขนาดที่เหมาะกับบริษัทฯไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป รวมถึงคนที่มีวิสัยทัศน์ที่คล้ายคลึงกันสามารถดำเนินธุรกิจร่วมกันได้ ถือเป็นหลักการแรกคร่าวๆ ในการหาหุ้นส่วนที่จะมาดำเนินธุรกิจเพื่อต่อยอดร่วมกัน ซึ่งบริษัทฯ คาดว่าจะสามารถนำบรรจุภัณฑ์แก้วเป็นตัวต่อยอดหรือเป็นตัวนำ เพื่อนำผลิตภัณฑ์อื่นๆออกสู่ตลาดให้ลูกค้ารู้จักได้ ในอนาคตเราอยากให้ฝ่ายขายของเราเข้าไปเสนอขายขวดแก้วพร้อมขายฉลากและผลิตภัณฑ์อื่นที่เกี่ยวข้องกับบรรจุภัณฑ์แก้วได้

อันดับที่สอง คือบริษัทฯได้ดำเนินธุรกจิด้วนบรรจุภัณฑ์แก้วมานานกว่า 40 ปีแล้ว จากที่เคยขายผลิตภัณฑ์แก้ว 100% โดยในอนาคตรายได้ของเราคาดว่าจะมาจากบรรจุภัณฑ์แก้ว 60% ที่เหลืออีก 40% จะเป็นรายได้จากบรรจุภัณฑ์อื่นๆ ซึ่งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงออกไป โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายประมาณ 12,000 ล้านบาท จึงคาดแผนอีก 5 ปี จะเป็นการปักหลักที่ดีที่จะสามารถสร้างยอดขายให้เติบโตขึ้นเป็น 2 เท่าได้ คือสร้างรายได้ 25,000 ล้านบาทภายใน 5 ปีหลังจากนี้

“ยอดขายจากบรรจุภัฑ์แก้วก็คาดว่ายังเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่เราจะเอาผลิตภัณฑ์อื่นเข้ามาเสริมมากขึ้น ทั้งในแง่ของการขยายกำลังการผลิตที่เรามีอยู่ตอนนี้ หรือในแง่ของการเข้าไปควบรวมกิจการ M&A กับการทำธุรกิจแบบกิจกรรมร่วมค้ากันกับ Joint Venture กับผู้ผลิตในตลาดทั้ง 2 ส่วน ทั้งผลิตภัณฑ์แก้ว และส่วนผลิตภัณฑ์อื่นๆด้วย ซึ่งการผสมทั้งสองส่วนนี้ จะทำให้เราสามารถไปถึงเป้าหมายที่เราวางไว้ได้ใน 5 ปีนี้”

สำหรับการเติบโตของบรรจุภัณฑ์แก้วนั้นมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในด้านการขนส่งต่างๆ ด้านโลจิสติกส์ ไม่ว่าในเรื่องของการขนส่ง การซื้อขายออนไลน์ หรือการขนส่งสินค้าจากจุดหนึ่งไปจุดหนึ่งได้มากขึ้น เช่นลังกระดาษ กล่องกระดาษ หรืออาจจะเป็นถุงพลาสติก ถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อนต่างๆ ซึ่งสถานการณ์โควิด-19 ที่ผ่านมา หลังจากที่รัฐบาลเริ่มมีมาตรการคลายล็อกดาวน์ บริษัทฯคาดว่าตัวเลขการเติบโตจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการสะดุดในส่วนกำลังซื้อของผู้บริโภคในช่วงที่ผ่านมา

“ปัจจุบันเรามีโปรเจกต์ใหญ่อยุ่ 3 โปรเจกต์ โปรเจกต์แรกคือการขึ้นเตาหลอมใหม่ที่จังหวัดราชบุรี ซึ่งปัจจุบันเรามีเตาหลอม 1 เตา กำลังการผลิตประมาณ 400 ตัวต่อวัน เราจะขึ้นเตาหลอมที่ 2 จะทำให้กำลังการผลิตรวมของกลุ่มบางกอกกล๊าส เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 10%  เราได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ประมาณปี  2566 โปรเจกต์ที่สองคือ การดำเนินการขยายกำลังการผลิตเตาหลอมที่จังหวัดปราจีนบุรี เพื่อรองรับการการผลิตอีก 20% อันนี้เป็นส่วนที่สองที่ทำให้กำลังการผลิตของบริษัทเพิ่มขึ้น ส่วนโปรเจกต์ที่สามคือ ธุรกิจฟิล์มที่บริษัทได้ซื้อมา โดยในธุรกิจนี้คาดว่าจะขยายกำลังการผลิตไปในลักษณะการทำธุรกิจที่เรียกว่า Pouch หรือถุงบรรจุภัณฑ์ชนิดอ่อน สำหรับอุตสาหกรรมต่างๆ อาทิ ใส่ถุงน้ำยาปรับผ้านุ่ม แชมพู หรือใส่อาหาร รวมทั้งในร้านสะดวกซื้อต่างๆ ที่สามารถนำเข้าไมโครเวฟได้ด้วย ซึ่งเราคาดว่าจะขยายกำลังการผลิตส่วน Pouch ให้เพิ่มขึ้นด้วย” นายศิลปรัตน์ กล่าวทิ้งท้าย



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Friday, 22 April 2022 14:36
พาณิชย์ ชินนาค

Author : เกาะติดข่าววงการก่อสร้าง แวดวงอุตสาหกรรมหนัก เคมีภัณฑ์และพลาสติก การกลั่นน้ำมัน โรงเหล็ก การทำเหมือง การสร้างเขื่อน สนามบิน ทางรถไฟ ถนน อ่างเก็บน้ำ ระบบชลประทาน ฯลฯ

Latest from พาณิชย์ ชินนาค

Related items

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

AWC เผย Q3 ลงทุน 1 หมื่นล้าน กำไรพุ่ง 1.13 พันล้าน เชื่อมั่นพลังขับเคลื่อนความยั่งยืนกับพันธมิตรทุกภาคส่วน ร่วมสร้างไทยให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับโลก

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM