IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
โครงการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งได้รับการสนับสนุนเงินทุนจากสหภาพยุโรป (EU) เพื่อดำเนินงานด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานและความปลอดภัยในภาคการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ในประเทศกัมพูชา สปป. ลาว เมียนมา เวียดนามและไทย บรรลุเป้าในการช่วยเหลือและสนับสนุนวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) กว่า 500 ราย ให้สามารถประหยัดเชื้อเพลิงและเกิดการขับขี่ที่ปลอดภัย มีระบบการขนส่งสินค้าอันตรายที่ปลอดภัย มีการพัฒนาแผนธุรกิจสำหรับการเข้าถึงบริการทางการเงิน ตลอดจนเกิดการตระหนักรู้ถึงความสำคัญของการขนส่งสีเขียว
ตลอดระยะเวลา 3 ปีของการดำเนินงาน (ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 - มกราคม 2562) โครงการได้ฝึกอบรม SMEs จำนวน 513 รายในภูมิภาค ซึ่งครอบคลุมพนักงานขับรถบรรทุกมากกว่า 600 คน
ส่งผลให้เกิดการประหยัดเชื้อเพลิงโดยเฉลี่ยร้อยละ 15.90 สำหรับรถหนักวิ่งเปล่า และร้อยละ 16.86 สำหรับรถหนักบรรทุกสินค้า ในส่วนที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตราย
โครงการฯ ได้ทำงานอย่างใกล้ชิดกับกระทรวงคมนาคมของประเทศเป้าหมายต่างๆ เพื่อปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับ ส่งผลให้กระทรวงคมนาคมและการสื่อสารของประเทศเมียนมาสามารถออกกฏกระทรวงได้ทั้งหมด 6 ฉบับอย่างเป็นทางการ ขณะทีกระทรวงของประเทศเวียดนาม กัมพูชาและสปป. ลาว กำลังแก้ไขพระราชกฤษฎีกาที่เกี่ยวข้องกับการขนส่งสินค้าอันตราย ในแง่ของการสนับสนุนนโยบาย โครงการฯ ยังได้สนับสนุนกระทรวงคมนาคมของประเทศเวียดนาม ในการพัฒนาคู่มือมาตรฐานสำหรับการขนส่งสินค้าสีเขียวและได้ประกาศใช้แล้วเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.2561 นอกจากนี้มาตรการด้านการขนส่งสินค้าสีเขียว ยังถูกนำเสนอในวาระ "การมีส่วนร่วมของประเทศ" (NDC) เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินงานด้านการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศของประเทศไทย และยังถูกหยิบยกมากล่าวเป็นวาระสำคัญในการประชุมครั้งที่ 24 ของภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (COP24) ด้วย
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวในพิธีปิดโครงการ ซึ่งจัดขึ้นภายใต้ความร่วมมือระหว่างกระทรวงคมนาคมและสหภาพยุโรปว่า "การคมนาคมขนส่ง ถูกยอมรับว่าเป็นส่วนสำคัญของการพัฒนาและบูรณาการเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค เพราะการคมนาคมขนส่งมีบทบาทสำคัญในการขนย้ายสินค้า บริการและประชาชน นอกจากนี้ การคมนาคมขนส่ง ยังช่วยสนับสนุนให้เกิดการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (GMS) ความพยายามผลักดันให้เกิดการพัฒนาถูกดำเนินการผ่านข้อตกลงและกรอบความร่วมมือระดับภูมิภาค เช่น ความตกลงว่าด้วยการอำนวยความสะดวกด้านขนส่งข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง (CBTA) และการอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งของอาเซียน
ซึ่งโครงการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงได้ให้การสนับสนุน 5 ประเทศเป้าหมายในการดำเนินงานตามข้อตกลงและกรอบความร่วมมือดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทยเอง ก็มุ่งดำเนินงานเพื่อส่งเสริมการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์อย่างยั่งยืน เช่น การขับขี่ที่ปลอดภัยและประหยัดพลังงาน การขนส่งสินค้าอันตรายให้ปลอดภัย และการพัฒนามาตรฐานสำหรับการให้บริการรถบรรทุก นอกจากนี้ ประเทศไทยยังมุ่งมั่นในการดำเนินงานตามวาระการประชุมระดับโลกของข้อตกลงปารีส ที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงให้ได้ร้อยละ 20 เนื่องจากภาคคมนาคมขนส่งถือว่าเป็นภาคที่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากเป็นอันดับต้นๆ ความพยายามของเราในการลดการใช้เชื้อเพลิงและลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากโครงการนี้ จึงช่วยสนองต่อของความมุ่งมั่นในวาระระดับโลก"
ฯพณฯ เปียร์ก้า ตาปิโอลา เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย กล่าวว่า "แผนงาน SWITCH-Asia เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการเงินของสหภาพยุโรปที่จะสนับสนุนประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ให้มีการส่งเสริมการบริโภคและการผลิตอย่างยั่งยืน และจนถึงปัจจุบัน มีโครงการจำนวนกว่า 100 โครงการที่ได้รับเงินทุนนี้แล้ว ด้วยการสนับสนุนเงินทุนของสหภาพยุโรปจำนวน 2.16 ล้านยูโร โครงการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง นับว่าประสบผลสำเร็จในการดำเนินกิจกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงด้วยการมีส่วนร่วมอย่างเข้มแข็งของSMEs ด้านการขนส่ง ส่งผลให้เกิดการประหยัดเชื้อเพลิงโดยรวมเฉลี่ยร้อยละ 16 และสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ด้วย นอกจากนี้ โครงการฯ ยังให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนกระทรวงคมนาคมทั้ง 5 ประเทศในการปรับปรุงกฎระเบียบและข้อบังคับที่เกี่ยวกับการขนส่งสินค้าอันตราย ผลลัพธ์ที่น่าพอใจเหล่านี้ เกิดจากความร่วมมือที่ดีจากพันธมิตรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐ SMEs ด้านการขนส่งสินค้า และสมาคมการขนส่งต่างๆ แนวทางการปฏิบัติที่ดีและบทเรียนที่ได้จากการดำเนินโครงการจะถูกนำไปเผยแพร่ต่อเพื่อพัฒนาการขนส่งสินค้าที่ยั่งยืนในภาคการขนส่งให้กว้างขวางและมีประสิทธิภาพมากขึ้น"
โครงการขนส่งสินค้าและโลจิสติกส์ที่ยั่งยืนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ได้รับเงินทุนสนับสนุนจำนวน 2.4 ล้านยูโร จากแผนงาน SWITCH-Asia ของสหภาพยุโรปและจากกระทรวงเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนาของสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (BMZ) โดยมีองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ดำเนินงานหลักและได้รับความร่วมมืออย่างใกล้ชิดจากสถาบันความร่วมมือเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจลุ่มน้ำโขง (MI) สมาคมขนส่งอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง(GMS-FRETA) รวมถึงโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงานและการบรรเทาผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคการขนส่งทางบกของภูมิภาคอาเซียนของ GIZ
เกี่ยวกับ GIZ
องค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) เป็นองค์กรของรัฐบาลเยอรมันที่ดำเนินงานด้าน ความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน GIZ ปฏิบัติงานในนามของหน่วยงานภาครัฐ และเอกชนทั้งในประเทศเยอรมนี และต่างประเทศ รวมทั้งรัฐบาลของประเทศต่างๆ สหภาพยุโรป องค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก และองค์กรที่ให้ทุนอื่นๆ GIZ ดำเนินงานอยู่ในประเทศต่างๆ ราว 120 ประเทศทั่วโลก และมีพนักงานประมาณ 19,000 คน ซึ่งร้อยละ 70 เป็นคนในประเทศ ข้อมูลเพิ่มเติม สามารถดูได้ที่ www.giz.de
บรรยายภาพปก (จากซ้าย): นางสุทธิยา จันทวรางกูร เจ้าหน้าที่โครงการ สหภาพยุโรปประจำประเทศไทย, นางสาวรัตนา อิทธิอมร ผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งสินค้า กรมการขนส่งทางบก, นายกมล บูรณพงศ์ รองอธิบดีฝ่ายวิชาการ กรมการขนส่งทางบก, นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ปลัดกระทรวงคมนาคม, ฯพณฯ เปียร์ก้า ตาปิโอลา เอกอัครราชทูตสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย, มร. ทิม มาเลอร์ ผู้อำนวยการองค์กรความร่วมมือระหว่างประเทศของเยอรมัน (GIZ) ประจำประเทศไทยและมาเลเซีย, นางสาวคาโรลิน คาโพน ผู้อำนวยการโครงการ GIZ, นางสาววิลาสินี ภูนุชอภัย ผู้อำนวยการร่วมโครงการ GIZ