“บริษัท ซีพีแรม จำกัด” ยกระดับองค์กร ซีพีแรม 4.0 ขยายการลงทุนต่อเนื่อง เพื่อ R & D ผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมรับประทานแช่แข็งด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย รองรับผู้บริโภคที่หลากหลายทุกกลุ่มทั้งในและต่างประเทศ พร้อมขยายฐานการผลิตยังภูมิภาค ตั้งเป้ารายได้ปี 2563 เป้าโตเพิ่ม 10 % แน่นอน

นายวิเศษ วิศิษฏ์วิญญู กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีพีแรม จำกัด ในเครือบริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ตั้งแผนการดำเนินธุรกิจ 4 ปี โดยเริ่มมาตั้งแต่ปี 2562 ไปจนถึง 2565 เพื่อขยายฐานการผลิตไปในเขตภูมิภาคมากขึ้น จากโรงงานผลิตสินค้า 7 แห่ง ประกอบด้วย โรงงานที่กรุงเทพฯ จังหวัดลำพูน, ขอนแก่น, ชลบุรี, สุราษฎร์ธานี และจังหวัดปทุมธานี ซึ่งโรงงานทั้งหมดสามารถผลิตอาหารพร้อมรับประทานแช่เย็นและอาหารแช่แข็งได้เพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทฯ ได้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีอันทันสมัย ยกระดับองค์กร “ซีพี 4.0” เข้ามาพัฒนาอาหารสุขภาพและอาหารสำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่ม เช่น อาหารสุขภาพสำหรับผู้สูงวัย, อาหารเด็ก และอาหารของผู้ป่วยโรคเบาหวาน ที่ต้องการอาหารหวานน้อยหรืออาหารมีความหวานปกติ แต่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้วอัตราดูดซึมความหวานต่ำ ไม่ทำให้ปริมาณน้ำตาลในร่างกายเพิ่มขึ้น อีกทั้งในแต่ละปีบริษัทจะจัดสรรงบฯเพื่อวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ดังกล่าวประมาณ 1% ของยอดขายรวมต่อปี หรือปีละประมาณ 150-200 ล้านบาท เพื่อใช้ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตในอนาคต
“การขยายฐานการผลิตดังกล่าวนี้ เพื่อรองรับการขยายตัวของตลาด รวมถึงเสริมสร้างศักยภาพของระบบเศรษฐกิจและการสร้างงานสร้างรายได้กับคนในท้องถิ่น"
ขณะเดียวกันยังได้เข้าใกล้แหล่งวัตถุดิบในท้องถิ่นมากขึ้น และยังช่วยรักษาคุณภาพของอาหารที่ผลิต ส่งออกจากโรงงานกระจายไปสู่ร้านค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย

สำหรับตลาดต่างประเทศ บริษัทได้ทำแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารสำหรับตลาดอาเซียน รวมถึงมองเห็นโอกาสในการขยายตลาดใหม่ๆ ยังประเทศต่างๆ อาทิ แคนาดา อังกฤษ แอฟริกาใต้ รัสเซีย โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 นี้ โตเพิ่มอีก 10% หรือมียอดขายประมาณ 20,000 ล้านบาท จากการจำหน่ายสินค้า 2 กลุ่มหลัก คือ อาหารแช่แข็งและอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน มีสัดส่วนรายได้ 60% และเบเกอรี่มีสัดส่วน 40% เชื่อมั่นว่าการขยายโรงงานการผลิตจะสามารถผลักดันยอดขายให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง

นายวิเศษ กล่าวต่อว่า ปัจจุบันจากปัจจัยการเปลี่ยนแปลงของสังคมเมืองและไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่มีข้อจำกัดในเรื่องของเวลา ทำให้อาหารพร้อมทานประเภทต่างๆ ได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะสามารถตอบโจทย์ในเรื่องของความสะดวกและรวดเร็วได้ จึงส่งผลให้ภาพรวมตลาดอาหารพร้อมประทาน เติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งซีพีแรม ที่มีผลิตภัณฑ์อาหารพร้อมทานที่หลากหลาย มีทั้งอาหารพร้อมรับประทานและเบเกอรี่มากกว่า 1,000 เอสเคยู ที่ช่วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

โดยมีเมนูขายดีหลัก ๆ ได้แก่ ข้าวกะเพราหมู ข้าวกะเพราไก่ ข้าวผัดปู และผัดซีอิ๊วหมู บริษัทฯจึงมีนโยบายที่จะต้องเร่งปรับตัว และพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับความต้องการของผู้บริโภคที่มีหลากหลายและมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากขึ้น ซึ่งกลยุทธ์และทิศทางของซีพีแรมในปี 2563 นี้ จะมุ่งไปที่การพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมใหม่ให้หลากหลาย โดยเฉพาะธุรกิจอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน ชูจุดเด่นเรื่องความสด ใหม่ อร่อย ด้วยการเตรียมเพิ่มเมนูอาหารอีกประมาณ 70-75% ตามด้วยกลุ่มอาหาร local product หรืออาหารท้องถิ่น เพิ่มขึ้น 25-30% เช่น อาหารประจำภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เมนูลาบหมูและก๋วยจั๊บญวน หรือภาคเหนือ มีเมนูข้าวผัดผักเชียงดา หรืออาหารประจำภาคใต้ เมนูข้าวผัดใบเหลียงผัดไข่ และข้าวไก่ผัดพริกแกงใต้ เป็นต้น


“การออกเมนูดังกล่าวต่างๆ เราไม่ได้เข้าไปแข่งกับอาหารพื้นเมือง เพราะถึงอย่างไรอาหารพื้นเมืองก็มีความหลากหลายกว่า แต่การที่ซีพีแรมทำอาหารประจำภาคขึ้นมา ก็เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคในเวลาดึก ช่วงที่ร้านค้าต่างๆ ปิดแล้ว ซึ่งเป็นอีกทางเลือกที่ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวก”
นอกจากนี้บริษัทฯจะเน้นกลยุทธ์เพอร์ซันนอลไลซ์ ที่ลงลึกและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น ได้แก่ อาหารสำหรับบุคคลเฉพาะกลุ่มสำหรับผู้สูงอายุ เช่น เมนูข้าวต้ม ชูจุดเด่น คือ เคี้ยวแหลกง่ายและดูดซึมได้ดี ซึ่งได้เริ่มวางขายในร้านเซเว่นอีเลฟเว่นเมื่อปลายปีผ่านมาแล้ว เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง

โครงสร้างของประชากรไทยที่ก้าวสู่สังคมผู้สูงอายุ กลยุทธ์เพอร์ซันนอลไลซ์จะพิจารณาทั้งความต้องการของสินค้า และช่องทางจำหน่าย เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้อย่างครอบคลุมต่อไป ส่วนสินค้าผลิตภัณฑ์เพื่อกลุ่มเด็ก อาทิ เมนูเบบี้ฟู้ด เจาะกลุ่มเด็กเล็กตั้งแต่แรกเกิดจนถึง 3 ขวบ รวมถึงอาหารสำหรับผู้ป่วย หรือมีโรคประจำตัว ที่ต้องการอาหารพิเศษ เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน ต้องการอาหารที่หวานน้อย เป็นต้น รวมทั้งมีแผนจะพัฒนาเมนูใหม่ ๆ เพื่อเจาะตลาดกลุ่มลูกค้าอื่น ๆ มากขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการศึกษาตลาด

สำหรับการผลิต ปัจจุบันซีพีแรมได้ขยายโรงงานไปในภูมิภาคมากขึ้น เพื่อให้สามารถรองรับความต้องการและกระจายไปถึงผู้บริโภคได้อย่างรวดเร็ว แต่ละแห่งสามารถผลิตได้ทั้งอาหารพร้อมรับประทานและแช่เย็น รวมถึงมีแผนจะขยายช่องทางออกไปยังตลาดใหม่ ๆ อาทิ ร้านอาหาร และภัตตาคาร ตลอดจนช่องทางจำหน่ายแบบตู้กดในคอนโดมิเนียม เพื่อจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการความสะดวกและมีพื้นที่ปรุงอาหารจำกัด
“ปี 2563 นี้ เราตั้งเป้าการเติบโตของยอดขายไว้ประมาณ 15% หรือมียอดขายประมาณ 22,570 ล้านบาท โดยหลัก ๆ จะมาจากกลุุ่มอาหารแช่แข็งและอาหารแช่เย็นพร้อมรับประทาน ประมาณ 60% และอีก 40% มาจากเบเกอรี่ และเชื่อมั่นว่าการพัฒนาเมนูเฉพาะกลุ่มหรือเมนูใหม่ ๆ จะทำให้สามารถสร้างยอดขายเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง” นายวิเศษ กล่าวทิ้งท้าย
