November 24, 2024

Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha
Nawakanchai-Metals & Mining-Strip-Head

“RT” เข้าตลาดระดมทุน ลุยงานประมูลใหม่ ตุน Backlog ใว้กว่า 4.2 พันล้าน

บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT จำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน เสนอขายต่อประชาชน IPO พร้อมทำการโรดโชว์ 14 จังหวัด ทั่วประเทศไทย เตรียมลงทุนซอฟต์แวร์ด้านการบริหารโครงการ พร้อมงานในมือ (Backlog) ประมาณ 4,258 ล้านบาท เตรียมรับรู้รายได้ภายในปี 2565 แน่นอน

นายชวลิต ถนอมถิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้ร่วมลงนามในสัญญาแต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุนเสนอขายต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) โดยได้แต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) ประมาณ 4,258 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ประมาณปี 2565 โดยมีงานหลักๆที่สำคัญ ได้แก่ โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ โครงการ่อสร้างและอาคารประกอบอุโมงค์ส่งน้ำแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ โครงการบ่อพักและท่อร้อยสายร่วมกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และโครงการขยายถนนหนองหา-พังโคน เป็นต้น

โดยบริษัทฯเป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ด้วยประสบการณ์ที่มีมากว่า 19 ปี ทำให้ RT มีความชำนาญในธุรกิจรับเหมาก่อสร้างงานด้านธรณีเทคนิค

หัวเรือใหญ่ ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง  กล่าวว่า “ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศไทย จากผลงานการก่อสร้างของบริษัทที่มีคุณภาพ"

RT สามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าตามมาตรฐานงานก่อสร้าง พร้อมทั้งมีเครื่องจักรที่ทันสมัยพร้อมในการทำงาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัทคือ ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านงานก่อสร้างทางวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค

นายชวลิต ถนอมถิ่น

ทั้งนี้ จากผลการดำเนินงานหลายปีที่ผ่านมา บริษัทมีกำไรขั้นต้นจากการรับเหมาก่อสร้างในปี 2560 ปี 2561 และปี 2562 เท่ากับ 304.41 ล้านบาท 172.92 ล้านบาท และ 409.12 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นอัตรากำไรขั้นต้นต่อรายได้จากการรับเหมาก่อสร้างเท่ากับร้อยละ 12.47 ร้อยละ 9.29 และร้อย ละ 17.25 ตำมลำดับ โดยเมื่อเปรียบเทียบปี 2561 และปี 2560 พบว่าอัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทลดลงจำนวน 131.49 ล้านบาทหรือลดลงคิดเป็นร้อยละ 43.19 จำกกำไรขั้นต้นบางโครงการที่ลดลงโดยเฉพะงานในต่างประเทศที่มีต้นทุนเพิ่มขึ้น สำเหตุที่มีต้นทุนเพิ่มเนื่องจากการขนย้ายเครื่องจักรออกนอก Site งาน และการรื้อแคมป์ มีความล่าช้า เนื่องจากไม่สามารถย้ายออกนอกพื้นที่ได้จำกข้อจำกัดของผู้ว่าจ้าง ทำให้มีต้นทุนเพิ่มขึ้นในปี 2561 และงานก่อสร้างทางคู่ในเส้นทางรถไฟสายชายฝั่งทะเลตะวันออก ช่วงฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย พร้อมอุโมงค์ มีต้นทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากอยู่ในช่วงเร่งรัดงานให้เสร็จทันตามสัญญา ประกอบกับงานในประเทศที่มีกำไรขั้นต้นลดลงโดยมีกำไรขั้นต้นลดลงจากงานเพิ่มเติมจากผู้ว่าจ้างที่มีต้นทุนสูง จากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่มีต้นทุนสูงขึ้น ส่งผลต่อต้นทุนเครื่องจักร โดยต้นทุนเพิ่มขึ้นดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานตามปริมาณงานที่เพิ่มขึ้น

แต่สำหรับปี 2562 กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้น 236.19 ล้านบำท หรือเพิ่มขึ้นคิด เป็นร้อยละ 136.59 เมื่อเทียบกับปี 2561 เนื่องจากโครงการของบริษัทหลายโครงการสามารถดำเนินงานโดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มมากขึ้นทั้งจากงานในประเทศและต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทมีการรับงานในประเทศซึ่งเป็นงานก่อสร้างประเภทอื่นๆ อีกหลำยโครงการที่มีกำไรขั้นต้นค่อนข้างสูง จากการให้บริการก่อสร้างกับผู้ว่าจ้างที่เป็นโครงการขนาดเล็กถึงปานกลางมากขึ้น เป็นผลจากการที่บริษัทมีประสบการณ์การทำงานการก่อสร้างอุโมงค์มาอย่างยาวนาน รวมถึงการการบริหาร การใช้เครื่องจักรที่มีประสิทธิภำพ ส่งผลให้บริษัทสำมารถดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้บริษัทมีอัตรรากำไรสุทธิ ที่ดีขึ้นในปี 2562 รวมถึง ตัวเลขครึ่งปีแรกของปี 2563 กำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้น 167.98 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 106.95 เมื่อเทียบกับงวด 6 เดือนแรกของปี 2562 โดยสำเหตุที่ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทเพิ่มขึ้น เนื่องจากสัดส่วน ต้นทุนเงินเดือนและค่าจ้างหน่วยงาน สัดส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายหน่วยงาน โดยตัวเลขครึ่งปีแรกของปี 2563 บริษัทมีสัดส่วนต้นทุนต่อรายได้ของโครงการดีขึ้นเนื่องจากโครงการใหม่ๆ ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงตัวเลขครึ่งปีแรกของปี 2563 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยเฉพาะงานโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบำ-ชุมทางถนนจิระที่มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ในขณะเดียวกันบริษัทก็สำมารถบริหารต้นทุนในโครงการได้อย่างมีประสิทธิภำพส่งผลให้กำรบริหารต้นทุนที่ดีขึ้น เนื่องจากมีเครื่องจักรบางรายการที่ตัดค่าเสื่อมราคาหมดแล้วแต่ยังใช้งานอยู่ในโครงการ และจากงานเพิ่มเติมของโครงการที่ มีอัตรากำไรขั้นต้นสูง ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของโครงการดีขึ้น

ส่วนการก่อสร้างอุโมงค์ยาวที่สุดในไทย รถไฟทางคู่อีสานสาย “มาบกะเบา-จิระ” ที่ทาง RT ดำเนินการก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างไต้ดินนั้น ความคืบหน้า เริ่มวางรางบางส่วนแล้ว มั่นใจว่าระบบดีน้ำไม่ท่วมแน่นอน  ภาพรวมการก่อสร้างมีความคืบหน้า 68.24% ช้ากว่าแผน 6.36% โดยมีรายละเอียด ดังนี้

  • สัญญาที่ 1 งานโยธาและระบบราง ช่วงมาบกะเบา – คลองขนานจิตร 58 กม. คืบหน้า 83.01% เร็วกว่าแผน 0.23%
  • สัญญาที่ 2 ช่วงคลองขนานจิตร– ชุมทางถนนจิระ 68 กม. อยู่ระหว่างขออนุมัติเปลี่ยนแปลงรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) รวมถึงขออนุมัติงบประมาณค่าก่อสร้างเพิ่มเติมจากการเปลี่ยนแปลงงานที่ อ.สีคิ้ว และตัวเมืองนครราชสีมา ประมาณ 3-4 พันล้านบาทจาก ครม. คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในเดือน ก.ค.64
  • สัญญาที่ 3 งานอุโมงค์รถไฟ ระยะทางประมาณ 6 กม. คืบหน้า 56.23% ล่าช้ากว่าแผน 11.71% เนื่องจาก ในขั้นตอนการเจาะอุโมงค์ที่ 1 เจอดินปนหิน จึงต้องวิเคราะห์ทางธรณีวิทยา และปรับแผนการทำงานเล็กน้อย เพื่อแก้ไขไม่ให้เสี่ยงต่อปัญหาอุโมงค์ถล่มได้ ทั้งนี้การปรับแก้แผนต้องเสนอให้ รฟท. พิจารณาอนุมัติก่อน ไม่สามารถทำได้ทันที จึงทำให้เกิดความล่าช้า
  • สัญญาที่ 4 งานจัดหาและติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณและโทรคมนาคม คืบหน้า 1.37% เร็วกว่าแผน 0.06%

แหล่งข่าวแจ้งว่า ขณะนี้งานในส่วนอุโมงค์ที่ 1 ซึ่งอยู่บริเวณมาบกะเบา ระยะทางประมาณ 5 กม. ยังเจาะอุโมงค์ไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากเจออุปสรรคระหว่างขุดเจาะ คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 64 ส่วนอุโมงค์ที่ 2 ช่วงมอหินลับ ระยะทางประมาณ 250 เมตร และอุโมงค์ที่ 3 ช่วงคลองขนานจิตร ระยะทางเกือบ 1 กม. ได้ดำเนินการขุดเจาะอุโมงค์ทะลุภูเขาทั้งสองด้านแล้ว โดยอุโมงค์ที่ 2 ได้เริ่มวางรางรถไฟ ขณะที่อุโมงค์ที่ 3 อยู่ระหว่างเทคอนกรีตผนังอุโมงค์ จะแล้วเสร็จในเร็วๆ นี้ และจะเริ่มวางรางได้ในต้นปี 64

อย่างไรก็ตามอุโมงค์ของโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา- ชุมทางจิระ ถือเป็นอุโมงค์ที่ยาวที่สุดในไทยที่กำลังก่อสร้างอยู่ในขณะนี้ คาดว่างานอุโมงค์จะแล้วเสร็จปลายปี 64 จากนั้นจะสามารถเปิดให้ประชาชนได้ใช้บริการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร ได้ต้นปี 65 ตามแผน ขณะที่คลองขนานจิตร– ชุมทางถนนจิระ จะเปิดให้บริการได้ต้นปี 68
 
ทั้งนี้ การสร้างอุโมงค์ของรถไฟทางคู่ ได้ออกแบบระบบระบายน้ำในอุโมงค์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำจากพื้นที่ภายนอกไหลเข้าอุโมงค์ ซึ่งจะระบายน้ำโดยให้ไหลไปตามธรรมชาติจากที่สูงลงสู่ที่ต่ำ ทั้งนี้ในการออกแบบมีขั้นตอนตั้งแต่การตรวจสอบพื้นที่รับน้ำฝนที่มีอิทธิพลต่อการระบายน้ำ รวมถึงวิเคราะห์ทิศทางการไหล และคำนวณปริมาณน้ำหลากสูงสุดที่ไหลเข้าหาแนวทางรถไฟที่คาบการเกิดซ้ำต่างๆ จึงมั่นใจได้ว่าจะไม่เกิดปัญหาน้ำท่วมภายในอุโมงค์รถไฟอย่างแน่นอน 

RT เป็นผู้เชี่ยวชาญพิเศษงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิคที่ใช้เทคโนโลยีระดับสูง ด้วยประสบการณ์ที่มีมากว่า 19 ปี ทำให้ RT มีความชำนาญในธุรกิจ โดยบริษัทแบ่งประเภทการให้บริการออกเป็น 5 ประเภท คือ

  • งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน
  • งานก่อสร้างเขื่อน
  • งานก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ
  • งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินด้วยวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ
  • งานก่อสร้างด้านอื่นๆ เช่น งานป้องกันและเสริมเสถียรภาพทางลาด งานขุดดินและหินทั้งแบบใช้ระเบิดและไม่ใช้ระเบิด งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา งานปรับปรุงฐานรากด้วยวิธีอัดฉีดน้ำปูน งานถนนและสะพาน งานประตูระบายน้ำ และงานวางรางรถไฟ เป็นต้น

ทั้งนี้ ธุรกิจรับเหมาก่อสร้างถือเป็นอุตสาหกรรมหนึ่งที่สำคัญต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศไทย เนื่องจากมีความเชื่อมโยงกับโครงการสาธารณูปโภคพื้นฐานของประเทศไทย จากผลงานการก่อสร้างของบริษัทที่มีคุณภาพ สามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าตามมาตรฐานงานก่อสร้าง พร้อมทั้งมีเครื่องจักรที่ทันสมัยในการทำงาน ทำให้บริษัทได้รับความไว้วางใจจากกลุ่มลูกค้าเป็นอย่างดี และเป็นไปตามวิสัยทัศน์ของบริษัท คือ ก้าวสู่ความเป็นเลิศด้านงานก่อสร้างทางวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค

ส่วนโครงการในอนาคต บริษัทมีแผนการลงทุนในระบบคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ และซอฟต์แวร์ เพื่อการวิเคราะห์ข้อมูล และการแสดงผลข้อมูลที่ซับซ้อนให้เข้าใจง่าย ซึ่งมีมูลค่าการลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท, การลงุนในซอฟต์แวร์ด้านการ Automation และ Robotic Process Automation (RPA) ซื่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ช่วยบริหารระบบเอกสารแบบดิจิทัล ทำให้การดำเนินงานด้านเอกสารรวดเร็วยิ่งขึ้น คาดจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท 

การลงทุนในซอฟต์แวร์ด้านการบริหารโครงการ โครงการ Project Management Software โดยโปรแกรม Oracle’s Primavera P6 Enterprise Project Portfolio Management และโปรแกรม Microsoft Project ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์เพื่อการบริหารโครงการที่สามารถใช้เป็นเครื่องมือที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการให้เป็นระบบได้อย่างรวดเร็ว มีมูลค่าลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท

การลงทุนใน ใน Geotechnical Software โดยจะแบ่งชุดโปรแกรมออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มโปรแกรมอเนกประสงค์ สำหรับวิเคราะห์เสถียรภาพและออกแบบโครงสร้างด้านวิศวกรรม เช่น งานโครงสร้างใต้ดินทั้งระดับตื้นและลึก งานโครงสร้างบนผิวดิน และงานเชิงลาด เป็นต้น ได้แก่ โปรแกรม MIDAS GTS NX โปรแกรม ITASCA UDEC 7.0 และกลุ่มโปรแกรมสำหรับวิเคราะห์เสถียรภาพและออกแบบงานเชิงลาดดิน/ หินผุ ได้แก่ โปรแกรม MSE Wall, โปรแกรม Nailed Slope, โปรแกรม Gabion, โปรแกรม Anti-Slide Pile, โปรแกรม Spread Footing มีมูลค่าลงทุนประมาณ 2 ล้านบาท

การลงทุนในอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เพื่อใช้ในงานทำแผนที่การสำรวจที่ดินและการก่อสร้าง การใช้เทคโนโลยีทางอากาศจะทำให้ประหยัดเวลาและต้นทุนได้มาก มีมูลค่าการลงทุนประมาณ 0.50 ล้านบาท  และการลงทุนในอุปกรณืเพื่อใช้ในการควบคุมงาน เครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบอุปกรณืด้านวิศวกรรมที่ทันสมัย มีมูลค่าลงทุนประมาณ 1.50 ล้านบาท ทั้งนี้การลงทุนข้างต้นมีมูลค่าการลงทุนรวมประมาณ 10 ล้านบาท โดยมีแหล่งเงินทุนมาจากการขายหุ้น IPO ทั้งจำนวน และมีระยะเวลาการลงทุนในปี 2563-2565 

นอกจากนี้ยังมีการลงทุนในเครื่องจักร และยานพาหนะ และเครื่องมือ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานให้มากขึ้น จะใช้งบลงทุน 180 ล้านบาท แหล่งเงินมาจากหุ้น IPO และเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงินอีกบางส่วน ระยะเวลาลงทุนในปี 2563-2565 การก่อสร้างโรงซ่อมและอาคารเก็บวัสดุแห่งใหม่ เพื่อรองรับการขยายธุรกิจและขอบเขตการให้บริการที่จะเพิ่มขึ้นในอนาคต คาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทโดยจะเริ่มก่อสร้างภายในปี 2564 แหล่งเงินมาจากขายหุ้น IPO ทั้งจำนวน

นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม

ด้าน นายสมภพ ศักดิ์พันธ์พนม ประธานกรรมการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT เปิดเผยว่า “ธุรกิจของ RT มีศักยภาพในการเติบโต เนื่องจากกลุ่มผู้บริหารมีความเชี่ยวชาญในการดำเนินธุรกิจมายาวนาน เป็นหนึ่งในผู้นำงานรับเหมาก่อสร้างด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค ที่ต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีระดับสูง มีประสบการณ์ในงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานเป็นอย่างดี” นายสมภพ กล่าว 



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Tuesday, 05 January 2021 12:47
รสริน พัชรโยธิน

Author : ขาลุย นักข่าวภาคสนาม เกาะติดข่าวสารด้าน Manufacturing ทั้งอุสาหกรรมเหล็ก ซีเมนต์ สี เคมีภัณฑ์ กระดาษ พลาสติก แร่และโลหะ ตลอดจนเครื่องมือเครื่องจักร และการก่อสร้างต่างๆ

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

Taiwan Excellence นำเสนอมิติใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมโลหการ  ชูวิสัยทัศน์เด่น "Innovate for Green Metalwork"  ที่ Metalex 2024

ไต้หวัน เดินหน้านโยบายมุ่งใต้ใหม่ ยกระดับความร่วมมือไทย-ไต้หวัน พร้อมโชว์นวัตกรรมอัจฉริยะ ในงาน TAIWAN EXPO 2024

“เมทัลเล็กซ์ 2024” พร้อมโชว์ผลงานชิ้นเอกจาก 3,000 แบรนด์ จัดเต็มพื้นที่ศูนย์ไบเทคเตรียมรับนักอุตสาหกรรมจาก 50 ประเทศ

Taiwan Excellence ยกขบวนนวัตกรรมเครื่องจักรสุดล้ำ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ Net-Zero

Taiwan Expo 2024 พร้อมมอบโอกาสทางธุรกิจให้คนไทยอีกครั้ง 21-23 พ.ย. นี้ อัพเดทเทรนด์ ชมนวัตกรรม เทคโนโลยี โซลูชัน ที่ตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม

AP THAILAND – CPAC  ผนึกกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อการอยู่อาศัยไทยสู่ความยั่งยืน  ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยคอนกรีตคาร์บอนต่ำ และรถโม่เล็กซีแพค

“บางกอกเคเบิ้ล” ฉลองเส้นทางผู้นำธุรกิจสายไฟ 60 ปี มุ่งพลิกโฉมความปลอดภัย-อนาคตเมือง พัฒนา Smart Factory-รุกตลาดพลังงานสะอาด รับความต้องการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกโต 3 เท่า

นวพลาสติก คว้ารางวัล Thailand Kaizen Award 2024 ตอกย้ำองค์กรที่มุ่งมั่นด้านการลดการใช้พลังงาน และตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม

พสบ.ทภ.2 มอบบ้าน ตามโครงการ "พสบ.ฮักเลย สร้างบ้านให้ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย"

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM