สำนักข่าว “ซินหัว” (China Xinhua News) รายงานเกี่ยวกับอนาคตอุตสาหกรรมการบินได้อย่างน่าสนใจว่า สัดส่วนเที่ยวบินของโลกกว่า 14 % เป็นส่วนแบ่งของสายการบินจีน และยิ่งกว่านั้น แนวโน้มของการขยายตัวของ “เมือง” จะทำให้สัดส่วนเพิ่มอีกกว่า 20 % ในระยะ 20 ปีข้างหน้า
ซึ่งในแง่หนึ่งมีนักทฤษฎีสมคบคิดเชื่อว่า สื่อต่างๆ ของจีนพยายามชูกระแสการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินก็เพื่อสร้างแรงกดดันและจิตวิทยาส่งต่อไปถึง “โบอิ้ง” สายการบินสหรัฐฯ ชื่อดัง และเป็นผู้ที่ส่งออกเครื่องบินไปยังประเทศจีนมากที่สุดอีกด้วย หมายความว่า “โบอิ้ง” มีประเทศจีนเป็นลูกค้าชั้นหนึ่ง

ข้อมูลจากบริษัทประกันภัย “Allianz” แสดงปริมาณผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้นในอัตราทวีคูณ เป็นหนึ่งในตัวชี้วัดที่สะท้อนว่า หุ้นกลุ่มสายการบิน อาจยังมีอนาคตต่อไปเรื่อยๆ
ประเด็นเรื่องการ สมคบคิดพุ่งเป้าไปที่ เหตุการณ์ที่ “จีน” เคยขึ้นภาษีตอบโต้นโยบายของสหรัฐฯ โดยการขึ้นภาษีเครื่องบินที่น้ำหนักไม่เกิน 4.5 ตัน อันถือเป็นคำเตือนจากจีน เพราะเครื่องบินน้ำหนักดังกล่าว ถือเป็นรุ่นเล็กๆ ที่ไม่ใช่รายได้หลักของ “โบอิ้ง”
หรือก็คือ “จีน” สามารถใช้กำแพงภาษีกับเครื่องบินรุ่นที่ขายดีของโบอิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ ซึ่งจะสร้างปัญหาให้อุตสาหกรรมการบินของสหรัฐฯ นอกจากนี้ สำนักข่าว Xinhua อ้างว่า มีรายงานจากกบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินโบอิ้ง ที่ระบุว่า สายการบินจีนยังต้องการเครื่องบินโบอิ้งอีกกว่า 7,690 ลำในอีก 20 ปีข้างหน้า

ข้อมูลจาก Yahoo แสดงรายละเอียดหุ้น “Boeing” (โบอิ้ง) ที่วันนี้ก็บวกไปกว่า 2 %
ทั้งนี้จำนวนเครื่องบินกว่า 7 พันลำดังกล่าว คาดว่าจะสร้างรายได้ราวๆ 1.2 เหรียญสหรัฐฯ ซึ่งแม้จีนจะมีปัญหาเรื่องหนี้ภาคครัวเรือน แถมยังเป็นช่วงเปลี่ยนผ่านเกี่ยวกับนโยบายการเงิน แต่ต้องยอมรับว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจในหลายปีที่ผ่านมา ทำให้รายได้ของกลุ่มชนชั้นกลางเพิ่มมากขึ้นจนฉุดภาพรวมขึ้นมาได้ และหมายถึง ลูกค้าของสายการบินก็เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย
ที่มา : thinvest