เมอร์ค (Merck) บริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ ประกาศว่า ธุรกิจในแมสซาชูเซตส์ของบริษัทติดโผ “บริษัทที่น่าทำงานมากที่สุด” จากการจัดอันดับประจำปีของ Boston Business Journal ซึ่งมาจากการตอบแบบสอบถามของพนักงานบริษัทต่างๆ

คริส รอส โฆษกประจำธุรกิจในอเมริกาของเมอร์ค กล่าวว่า “ความสำเร็จครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของเราในการสร้างวัฒนธรรมที่พนักงานสามารถเติบโตและมีความสุขกับความสำเร็จในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะในบอสตัน ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพที่มีการแข่งขันสูงเป็นอันดับต้นๆของโลก"

เราจะเดินหน้าดึงดูดผู้มีความสามารถ ส่งเสริมผู้หญิงให้เติบโตสู่ตำแหน่งผู้บริหาร รวมถึงผลักดันให้บอสตันเป็นสถานที่น่าทำงานและน่าอยู่อาศัยต่อไป

Boston Business Journal จัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดเป็นปีที่ 17 แล้ว และนับเป็นครั้งแรกที่ธุรกิจของเมอร์คในแมสซาชูเซตส์ติดโผทั้งสามธุรกิจ โดยเมอร์คได้รับการจัดอันดับในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่พิเศษ และเป็นหนึ่งใน 9 บริษัทที่ติดกลุ่มดังกล่าว การจัดอันดับนี้เป็นการยกย่องนายจ้างที่ทุ่มเทสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่มีคุณค่าและน่าอภิรมย์ โดยตัดสินจากการตอบแบบสอบถามของพนักงานในบริษัทต่างๆ

การจัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในปีนี้แบ่งออกเป็น 5 กลุ่ม ได้แก่ บริษัทขนาดเล็กพิเศษ (พนักงาน 20-49 คน)บริษัทขนาดเล็ก (พนักงาน 50-99 คน) บริษัทขนาดกลาง (พนักงาน 100-249 คน) บริษัทขนาดใหญ่ (พนักงาน 250-999 คน)และบริษัทขนาดใหญ่พิเศษ (พนักงาน 1,000 คนขึ้นไป) โดยเมอร์คมีพนักงาน 2,900 คนในแมสซาชูเซตส์ ทั้งนี้ Boston Business Journal ทำการสำรวจและจัดอันดับบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดโดยร่วมมือกับ Quantum Workplace

ติดตามเมอร์คได้ทาง Twitter @Merckgroup, Facebook @merckgroup และ LinkedIn

เกี่ยวกับ เมอร์ค

เมอร์ค คือบริษัทวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีชั้นนำ โดยมีการดำเนินงานครอบคลุมด้านการดูแลสุขภาพ ชีววิทยาศาสตร์ และวัสดุสมรรถนะสูง พนักงานประมาณ 52,000 คนของบริษัทต่างทุ่มเทในการสร้างความแตกต่างที่ดีต่อชีวิตของผู้คนหลายล้านคนในทุกๆวัน ด้วยการนำเสนอแนวทางการใช้ชีวิตที่มีความสุขและยั่งยืนยิ่งขึ้น เมอร์คเป็นทั้งผู้พัฒนาเทคโนโลยีตัดต่อยีน ไปจนถึงการเสาะหากลวิธีใหม่ๆ ในการรักษาโรคภัยไข้เจ็บที่ท้าทายที่สุด ตลอดจนการคิดค้นอุปกรณ์อัจฉริยะ โดยในปี 2561 เมอร์คทำยอดขายได้ 1.48 หมื่นล้านยูโร ใน 66 ประเทศ

การสำรวจทางวิทยาศาสตร์และการทำธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ คือหัวใจหลักในความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของเมอร์ค ทั้งยังอยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเมอร์คนับตั้งแต่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปีพ.ศ. 2211 ปัจจุบัน ครอบครัวผู้ก่อตั้งยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของกลุ่มบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เมอร์คครอบครองสิทธิ์ในชื่อและแบรนด์ "เมอร์ค" ทั่วโลก ยกเว้นในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา ซึ่งบริษัทดำเนินธุรกิจในชื่อ อีเอ็มดี เซโรโน ในวงการดูแลสุขภาพ, มิลลิพอร์ซิกมา ในวงการชีววิทยาศาสตร์ และอีเอ็มดี เพอร์ฟอร์แมนซ์ แมททีเรียลส์