"ตีตี ชูซิง" แอปพลิเคชั่นไรด์แชริ่งจากประเทศจีน เตรียมจับมือกับ "ซอฟต์แบงก์" บริษัทเทเลคอมแห่งแดนอาทิตย์อุทัยของเจ้าพ่อ "มาซาโยชิ ซัน" เจ้าของกองทุนเพื่อการลงทุนด้านไอทีที่ใหญ่ที่สุดในโลก และผู้ที่ร่ำรวยที่สุดในญี่ปุ่น
การเข้ามาของตีตีฯ ในญี่ปุ่นนั้น จะร่วมกับซอฟต์แบงก์ในการให้บริการเรียกรถรับส่งในหัวเมืองใหญ่ ๆ ของประเทศ เช่น โอซากา เกียวโต โตเกียว ฟูกูโอกะ เป็นต้น โดยเล็งให้บริการนักท่องเที่ยวชาวจีนที่เข้ามาท่องเที่ยวในญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นทุกปี

นี่จึงถือเป็นก้าวสำคัญในการจุดไฟสมรภูมิไรด์แชริ่งในญี่ปุ่นให้ดุเดือดขึ้น
ปกติแล้ว ตลาดไรด์แชริ่งของญี่ปุ่นถูกครอบครองโดย "อูเบอร์" สตาร์ตอัพไรด์แชริ่งจากอเมริกา อย่างไรก็ตาม ตลาดไรด์แชริ่งในญี่ปุ่นไม่โตมากนัก เพราะว่ารัฐบาลห้ามมิให้ผู้ที่ไม่มีไลเซนส์ขับรถรับ-ส่ง หรือไลเซนส์แท็กซี่ เข้ามาให้บริการ ดังนั้นคนที่จะมาขับในระบบไรด์แชริ่ง ก็คือคนขับแท็กซี่เท่านั้น

มาซาโยชิ ซัน ซึ่งกองทุนของเขาลงทุนทั้งในอูเบอร์และตีตีฯ ระบุว่า "เป็นความคิดที่งี่เง่ามาก ที่รัฐบาลยังห้ามไรด์แชริ่งอยู่ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าจะยังมีประเทศที่ไม่ให้ฟรีแลนซ์ไดรเวอร์มาขับรถรับ-ส่งอยู่อีก"

อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายบริษัทที่ยังมีความพยายามผลักดันบริการไรด์แชริ่งในญี่ปุ่นให้โตขึ้น แม้ว่าจะมีข้อห้ามของรัฐเป็นอุปสรรคสำคัญ อย่าง "โซนี่" ก็ได้ประกาศว่ากำลังพัฒนาแอปที่ใช้ปัญญาประดิษฐ์ในการแมตช์แท็กซี่กับผู้โดยสารเข้าด้วยกัน เป็นต้น
ที่มา : M Report