IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายชูชาติ เพ็ชรอำไพ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมืองไทย แคปปิตอล จำกัด (มหาชน) หรือ MTC เปิดเผยว่า การที่หุ้น MTC ได้รับคัดเลือกเข้าคำนวณในดัชนี MSCI รอบใหม่ ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี เนื่องจากคาดว่านักลงทุนสถาบันจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นมากขึ้น โดยเฉพาะกองทุนขนาดใหญ่ในต่างประเทศ ที่มีนโยบายใช้ดัชนีดังกล่าวเป็นตัวอ้างอิงในการเข้าลงทุนหุ้นทั่วโลก ดังนั้น หุ้น MTC จึงจะเข้าไปอยู่ในความสนใจของต่างชาติมากขึ้นอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ดัชนี MSCI หรือ MSCI Index เป็นดัชนีอ้างอิงที่บริษัท Morgan Stanley Capital International จัดทำขึ้นมาเพื่อให้ผู้ลงทุนสถาบันที่เข้ามาลงทุนในภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลก ได้นำมาใช้เป็นมาตรฐานในการวัดผลตอบแทน โดยใช้ข้อมูล, การวิเคราะห์ Models, และรายงานต่างๆ ประกอบ
การเข้าคำนวณหุ้น ของ MTC ในครั้งนี้ จะเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการยกระดับสู่สากลมากขึ้น เพราะกองทุนต่างชาติส่วนใหญ่จะเห็นความสำคัญ และมีการลงทุนหุ้นที่อยู่ในดัชนี MSCI อยู่แล้ว
ดังนั้นเราจะอยู่ในโฟกัสของกองทุนมากขึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาหุ้นของบริษัทมีเสถียรภาพมากขึ้นด้วย"นายชูชาติกล่าว
ขณะเดียวกันภาพรวมของการดำเนินธุรกิจของ MTC จะเติบโตได้ต่อเนื่อง โดยเฉพาะในไตรมาส 4/61 ซึ่งจะเป็นฤดูกาลคึกคักของธุรกิจและส่งผลให้มีการเติบโตสูงในรอบปี รวมทั้งกำลังซื้อของประชาชนเริ่มฟื้นตัวดี ราคาสินค้าเกษตรปรับตัวสูงขึ้น อีกทั้ง เป็นช่วงเทศกาลทั้งออกพรรษา, ลอยกระทง และเทศกาลปีใหม่ ดังนั้นทำให้มั่นใจว่า ผลประกอบการจะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ และยังคงทุบสถิตินิวไฮได้อีกหนึ่งไตรมาส
สำหรับภาพผลประกอบการในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายรายได้ กำไรสุทธิ และยอดปล่อยสินเชื่อใหม่จะเติบโต 40% ซึ่งเป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นปีนี้คาดว่า จะมีสาขารวมทั้งสิ้น 3,300 สาขา จากปัจจุบันมีสาขารวมทั้งสิ้น 3,200 สาขา สำหรับในปี 2562บริษัทตั้งเป้าจะเปิดอีก 600 สาขาเพิ่มเป็น 3,900 สาขา และแตะ 4,500 สาขาในปี 2563 ซึ่งเป็นไปตามแผนการดำเนินธุรกิจ 3 ปีที่บริษัทได้วางไว้ ขณะที่หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ในปีนี้บริษัทจะคุมไม่ให้เกิน 1.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.27%
กรณีใบอนุญาตการการดำเนินธุรกิจจำนำทะเบียน ภายใต้การกำกับการดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มองว่า เกณฑ์ดังกล่าวจะออกมาในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ และเชื่อว่าจะเป็นโอกาสให้กับบริษัทเติบโตในธุรกิจจำนำทะเบียน ภายใต้ใบประกอบธุรกิจ P-Loanหรือ สินเชื่อส่วนบุคคล ซึ่งบริษัทมีใบประกอบกิจการเดิมอยู่แล้ว และ ในอนาคตจะทำให้สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อประเภท P-loan มีโอกาสเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกมาก