November 21, 2024

Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

ACN เผยแนวโน้มภาคการเงินปี 2019

ACN เผยแนวโน้มภาคการเงินปี 2019 อาจจับมือกับยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนฯ และให้ความสำคัญกับเอสเอ็มอีและธุรกิจที่เจาะตรงถึงผู้บริโภค

นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย เผยรายงานกับผู้สื่อข่าว Im  ว่า "ปัจจุบันอุตสาหกรรมบริการทางการเงินต้องฝ่ากระแสอันหนักหน่วง ทั้งที่เป็นผลจากกรอบกฎเกณฑ์ที่เปลี่ยนไป ภาวะการแข่งขันที่ดุเดือดมากขึ้นจากการมีสตาร์ตอัพด้านฟินเทค รวมทั้งการที่ผู้เล่นเดิมในตลาดต่างทุ่มทุนด้านเทคโนโลยีดิจิทัลมากขึ้น การพยากรณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตนั้นยากอยู่แล้ว ยิ่งอนาคตของอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงเร็วเช่นบริการทางการเงิน ก็ยิ่งประเมินได้ยาก แต่เมื่อมองปี 2019 โดยรวม ก็พอจะเห็นสัญญาณจากบรรดาธนาคาร บริษัทประกัน และบริษัทจัดการสินทรัพย์สำคัญ ๆ ในไทยและในเอเชียแปซิฟิก ที่พากันยกเครื่องเทคโนโลยีขององค์กรใหม่ เพื่อให้รองรับความร่วมมือหรือประสานระบบกับยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีให้ได้"

ในปีนี้เราคงได้เห็นธุรกิจการเงินหันมาใช้เทคโนโลยีบิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยในการออกผลิตภัณฑ์แบบใหม่หมดจด ปรับราคาให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมาย และพัฒนาโซลูชั่นดิจิทัลที่รองรับธุรกิจเอสเอ็มอีและกิจการธนบดีธนกิจ

แนวโน้มในภาคบริการทางการเงินต่อไปนี้ เป็นเพียงสรุปโดยรวม แต่ก็น่าจะช่วยให้เห็นภาพว่าในปี 2019 จะมีอะไรแปลกใหม่ในอุตสาหกรรม เทรนด์หลัก ๆ ที่น่าติดตามในปีนี้ ได้แก่

  1. ยกระดับเทคโนโลยี เพื่อประสานระบบและร่วมมือกับยักษ์ใหญ่ในวงการดิจิทัล

สิ่งสำคัญสำหรับธนาคารและบริษัทประกันภัยที่ก่อตั้งมานานคือ การอัปเดตและยกระดับเทคโนโลยีเอนเทอร์ไพรซ์และความเชี่ยวชาญต่าง ๆ ให้ทัดเทียมหรือก้าวทันยักษ์ใหญ่ในวงการอินเทอร์เน็ตและผู้ให้บริการแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น ไลน์ (Line) ในประเทศไทยและญี่ปุ่น อาลีบาบา (Alibaba) ในจีน หรือ ฟลิปคาร์ต (Flipkart) ในอินเดีย เพราะจะช่วยให้พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินได้ก้าวล้ำและครบวงจรมากขึ้น ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดในปัจจุบันคือ บริษัทประกันภัยชั้นนำในอินเดีย สิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ในเอเชียแปซิฟิก ต่างขายผลิตภัณฑ์เพื่อการปกป้องคุ้มครองต่าง ๆ ผ่านทางเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ แอปฯ บริการเรียกรถ หรือผ่านบริการจัดการท่องเที่ยวออนไลน์ ซึ่งธนาคารในไทยก็ได้จับมือกับยักษ์ใหญ่ในวงการดิจิทัล เพื่อให้ธนาคารเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค สิ่งที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสารสนเทศ (CIO) ของทุกธนาคารและบริษัทประกันควรตั้งคำถาม ณ ตอนนี้ก็คือ จะแน่ใจได้อย่างไรว่าบริษัทมีเทคโนโลยีและวัฒนธรรมที่เหมาะสม และจะดำเนินการได้รวดเร็วพอต่อการนำผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ไปประสานเข้ากับผู้เล่นรายใหญ่ ๆ ในวงการเทคโนโลยีและดิจิทัล

  1. กำหนดราคาให้เหมาะสมขึ้นด้วยดิจิทัล และใช้บิ๊กดาต้าให้ครอบคลุม

การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลจะต้องเปลี่ยนจากการใช้สร้างประสบการณ์ลูกค้าโดยรวม ไปเป็นการออกแบบผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสม และใช้เป็นหลักในการพัฒนาโมเดลการตั้งราคาที่ซับซ้อน ธุรกิจบริการด้านการเงินจึงควรใช้ประโยชน์จากบิ๊กดาต้ามาช่วยเรื่องการตั้งราคา โดยเฉพาะในกลุ่มตลาดที่ยังไม่ค่อยมีข้อมูลเป็นระบบ และการตั้งราคาทำได้จำกัด การเตรียมความพร้อมด้านนี้จึงช่วยให้ธนาคารและบริษัทประกันสามารถพัฒนาและนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่มาเสริมพ่วงกันได้ ลองนึกถึงกรณีที่คุณสามารถทำประกันรถยนต์และบ้าน รวมทั้งเปิดบัญชีออมทรัพย์ได้ในเวลาเดียวกัน ตัวอย่างเช่น ในประเทศไทย บริษัทประกันภัยที่นำเครื่องมืออย่างเทคโนโลยี IoT เข้ามาใช้รวบรวมข้อมูลให้ได้มากขึ้น เพื่อนำมาช่วยตั้งราคาให้เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมาย นับเป็นเทรนด์หนึ่งที่น่าจะเป็นที่นิยมมากขึ้น ถ้ามีการนำเทคโนโลยีและความรู้ความเชี่ยวชาญด้านบิ๊กดาต้าอนาลิติกส์มาใช้กันอย่างแพร่หลาย

  1. คิดให้เล็กเพื่อทำการใหญ่

ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี จะเป็นจุดสนใจพิเศษทั้งในไทยและในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้แห่งอื่น ๆ ด้วยในช่วงปีนับจากนี้ โดยประเมินจากภาพรวมระดับมหภาคที่มีนโยบายการคุ้มครองตลาดและความเป็นชาตินิยมที่กำลังเฟื่องฟูทั่วโลก ดังนั้น ธุรกิจที่ให้บริการด้านการเงินจึงควรหันมาสนใจและให้ความสำคัญ โดยนำเสนอผลิตภัณฑ์ด้านการธนาคารและประกันภัยแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีให้มากขึ้น รวมทั้งให้บริการที่ดีขึ้นได้จากการใช้บิ๊กดาต้าเข้ามาช่วยพิจารณากรมธรรม์ ตัวอย่างเช่น การใช้ช่องทางดิจิทัลช่วยในการกระจายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้เข้าถึงธุรกิจเอสเอ็มอีอย่างชาญฉลาดและมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งประเทศส่วนใหญ่ในภูมิภาคยังทำไม่ได้ถึงจุดนั้น

  1. เชื่อมตรงถึงผู้บริโภค (D2C) ลดช่องโหว่ด้านธรรมาภิบาล

ในภาวะที่มีความสงสัยเคลือบแคลงต่อการปฏิบัติการของผู้ให้บริการทางการเงิน บริษัทประกันและบริษัทจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งควรให้ความสำคัญกับการพัฒนาสายสัมพันธ์กับลูกค้าโดยตรง แทนที่จะหวังพึ่งสายสัมพันธ์ผ่านตัวแทนมากเกินไป ซึ่งขึ้นอยู่กับค่านายหน้า จึงอาจเสี่ยงทำให้มีธรรมาภิบาลน้อยลงหรือระบบไม่เข้มพอ เทคโนโลยีดิจิทัลจะเป็นหนทางที่รวดเร็วและทรงประสิทธิภาพมากที่สุดในการช่วยให้มีระบบกำกับ เพราะคนนับล้านในภูมิภาคใช้สมาร์ทโฟนและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์กันอย่างแพร่หลาย จึงเป็นไปได้ที่บริษัทต่าง ๆ จะเริ่มขายผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ผ่านแอปฯ ให้แก่ลูกค้าโดยตรง โดยไม่จำเป็นต้องผ่านคนกลาง ทำให้ธุรกิจคล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

  1. วิวัฒนาการของเทคโนโลยีผู้ช่วยทางการเงิน Roboadvice
บริการด้านการจัดการสินทรัพย์และความมั่งคั่งโดยอัตโนมัติแบบครบวงจร และเครื่องมือเทคโนโลยีผู้ช่วยทางการเงิน Roboadvice ได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งเราจะเห็นว่ามีการปรับให้การบริหารความมั่งคั่งทำได้ง่ายและคล่องตัวด้วยเทคโนโลยีดิจิทัล เห็นได้ชัดจากการให้ความสำคัญกับระบบผู้ให้คำแนะนำทางการเงินซึ่งมีการพัฒนาก้าวหน้ากว่าเดิมมาก โมเดลแบบไฮบริดหรือผสมผสานนี้ จะใช้ข้อมูลคำสั่งซื้อที่บริษัทการเงินสั่งสมมาตลอดหลายปี นำมาประมวลกับเครื่องมือวิเคราะห์ใหม่ ๆ ที่เจ้าหน้าที่สามารถนำมาใช้เพื่อให้โซลูชั่นคำแนะนำที่มีประสิทธิภาพ สามารถปรับให้เข้ากับสถานการณ์ขณะนั้น ๆ และลูกค้าแต่ละรายได้อย่างเหมาะสม โดยลูกค้ายังคงมีปฏิสัมพันธ์กับพนักงานได้ด้วย
Rate this item
(0 votes)
Last modified on Thursday, 16 May 2019 04:58
ฐิตตา ธิติโรจธนกุล

Author : เกาะติดข่าวสุขภาพและความงาม แฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องประดับ การท่องเที่ยว ร้านอาหารและโรงแรม ไลฟ์สไตล์ การออกกำลังกาย การปั่นจักรยาน สินค้าไอที วิทยาศาสตร์ Innovation ฯลฯ

Related items

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  
X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM