December 03, 2024

S&J มุ่งรักษาการเติบโต มั่นยึดถือแนวทางพัฒนาอย่างยั่งยืน ย้ำเป็น 1 ใน 25 บริษัทที่ทำคะแนนสูงสุดของทั้ง 4 เกณฑ์ คือรางวัลของการขับเคลื่อน เป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จ

บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) หรือ S & J มุ่งมุ่นก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ปีที่ผ่านมาเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้จากยอดขาย 6,804 ล้านบาท ย้ำเป็น 1 ใน 25 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่ทำคะแนนสูงสุดของทั้ง 4 เกณฑ์ คือรางวัลของการขับเคลื่อน เป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตได้อย่างมั่นคคงและยั่งยืน

S&J เป็นอีกหนึ่งผู้นำของโลกธุรกิจ OEM-ODM ผลิตภัณฑ์สุขภาพและความงามในประเทศไทย ที่มีลูกค้ากว่า 500 บริษัทชั้นนำจากประเทศทั่วโลกให้ความไว้วางใจในศักยภาพของ "บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน)" ในการผลิตและส่งมอบผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม มากกว่า 1,000 แบรนด์ ด้วยนวัตกรรมสุดล้ำสมัย สร้างคุณค่าตรงใจผู้บริโภค โดยบริษัทฯ จะให้คำปรึกษาและบริการแบบครบวงจร มุ่งเน้นการตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเป็นหลัก ด้วยค่านิยมขององค์กร "ความหลงใหล ความจริงใจ ความยืดหยุ่น ความเป็นเลิศ" ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม โดยเริ่มตั้งแต่ศึกษาความต้องการผู้บริโภค ค้นคว้าและวิจัยพัฒนาสินค้าที่สร้างความแตกต่างและความได้เปรียบทางการแข่งขันด้วยนวัตกรรม และกระบวนการผลิตที่ทันสมัย ได้รับการรับรองระบบมาตรฐานต่างๆ ในระดับสากล เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ

โดย S&J เป็นบริษัทในเครือสหพัฒน์ เริ่มต้นธุรกิจในปี 2523 ภายใต้ชื่อ บริษัท เอส แอนด์ เจ อาหารสําเร็จรูป จํากัด โดยเป็นบริษัทผลิตอาหารสําเร็จรูป ของเครือสหพัฒน์ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาทำธุรกิจรับจ้างผลิตเครื่องสําอาง และเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จํากัด ในปี 2526 และได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในปี 2531 ปัจจุบันมีมูลค่าบริษัท ราว 7,500 ล้านบาท

ทั้งนี้บริษัท S&J ประกอบธุรกิจหลัก โดยการรับจ้างออกแบบ หรือ ODM ไปจนถึงรับจ้างผลิต หรือ OEM ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ผลิตภัณฑ์สำหรับบำรุงผิวและแต่งหน้า ให้แก่แบรนด์สินค้าต่าง ๆ และยังเป็นผู้ผลิตของใช้ สำหรับใช้ในห้องน้ำ อย่างสบู่ อีกด้วย เรียกได้ว่าให้บริการแบบครบวงจร สำหรับบริษัทลูกค้า ที่ต้องการขายเครื่องสำอาง แบรนด์ตัวเอง โดยทำตั้งแต่การออกแบบ วิจัยและพัฒนา จัดหาวัตถุดิบและบรรจุภัณฑ์ ทดสอบประสิทธิภาพและความปลอดภัย ไปจนถึงการผลิต ตรวจสอบคุณภาพ และจัดส่งสินค้า ซึ่งมีลูกค้าเป็นแบรนด์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ในสัดส่วน ลูกค้าในประเทศ 55% และลูกค้าต่างประเทศ 45%
 
 
ทั้งรายได้และกำไรของบริษัท มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รายได้เติบโตเฉลี่ย 18% ต่อปี เติบโตมากเป็น 2 เท่า เมื่อเทียบกับการเติบโตของตลาดเครื่องสำอางไทย โดยผลประกอบการของ S&J 4 ปีย้อนหลัง มีดังนี้
  • ปี 2563 รายได้ 4,415 ล้านบาท กำไร 276 ล้านบาท
  • ปี 2564 รายได้ 5,033 ล้านบาท กำไร 373 ล้านบาท
  • ปี 2565 รายได้ 6,077 ล้านบาท กำไร 504 ล้านบาท
  • ปี 2566 รายได้ 6,951 ล้านบาท กำไร 717 ล้านบาท
  • ไตรมาส 1/2567 รายได้ 1,410 ล้านบาท กำไร 127 ล้านบาท
 
นายบุญเกียรติ โชควัฒนา ประธานกรรมการ กลุ่มบริษัท เอสแอนด์เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) เล่าถึงทิศทางและการทำงานของบริษัทว่า ในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทมีความมุ่งมุ่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำให้บริษัทฯ ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อยเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้จากยอดขาย 6,804 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 14 และร้อยละ 41 ตามลำดับ

"ในปี 2566 เศรษฐกิจโลกและเศรษฐกิจไทย มีการปรับตัวเติบโตขึ้น แม้จะไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากมีปัจจัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ การดำเนินโนบายทางการเงินของประเทศมหาอำนาจ ได้สร้างความผันผวนให้กับเศรษฐกิจโลก รวมถึงส่งผลต่อค่าเงินบาทและราคาพลังงานและอัตราเงินเฟ้อให้ปรับตัวสูงขึ้นด้วยเช่นกัน กระนั้น บริษัท เอสแอนด์เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็นเตอร์ไพร์ส จำกัด (มหาชน) และบริษัทย่อย ยังคงเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง และเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเป็นผลมาจากการดำเนินงานที่แข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท ที่สามารถปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว และตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ด้วยการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ รวมทั้งการบริหารจัดการเรื่องห่วงโซ่การผลิต และการควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน"

บริษัทมีความมุ่งมุ่นและทุ่มเทอย่างเต็มที่ ทำให้บริษัทฯ ก้าวข้ามอุปสรรคต่างๆ เพื่อรักษาการเติบโตของธุรกิจให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ส่งผลให้ภาพรวมในการดำเนินธุรกิจของบริษัท และบริษัทย่อยเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้จากยอดขาย 6,804 ล้านบาท ซึ่งเติบโตจากปีก่อนคิดเป็นร้อยละ 14 และร้อยละ 41 ตามลำดับ

ทั้งนี้การบริหารธุรกิจที่ประสบความสำเร็จได้ตามวิสัยทัศน์ของบริษัทได้ยึดถึอแนวทางพัฒนาองค์กร อย่างยั่งยืน โดยไม่ได้มุ่งหวังผลกำไรแต่เพียงอย่างเดียว โดยด้านสิ่งแวดล้อม บริษัทฯได้ทำกิจกรรมเพื่อลดการใช้พลังงานและลดก๊าซเรือนกระจกอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ขับเคลื่อนไปถึงเป้าหมาย Carbon Net Zero ในปี 2593
และด้านสังคม บริษัทฯได้บริหารทรัพยากรบุคคลอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม รวมถึงมีการปฎิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน ส่วนด้านบรรษัทภิบาท บริษัทฯ ดำเนินธุรกิจด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต โปร่งใส และตรวจสอบได้ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี มีมาตรการในการต่อต้านการคอร์รับชั่น รวมถึงการปฎิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียม

นอกจากนี้เพื่อส่งเสริมให้ธุรกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืน บริษัทฯได้ดำเนินโครงการต่างๆ ที่แสดงถึงความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม มาอย่างต่อเนื่องกว่า 15 ปี โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับการยกย่องเป็น 1 ใน 25 บริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยที่ทำคะแนนสูงสุดของทั้ง 4 เกณฑ์ ซึ่งรวบรวามโดยสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย เกณฑ์ SET ESG Rating และเกณฑฺ SET Award โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเกณฑ์ AGM Checklist โดยสมาคมส่งเสริมผู้ลงทุนไทย ซึ่งรางวัลของการขับเคลื่อนเป็นอีกก้าวแห่งความสำเร็จที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของการขับเคลื่อนองค์กรให้เติบโตได้อย่างมั่นคคงและยั่งยืน

"จึงกล่าวได้ว่าในปีที่ผ่านมา บริษัทฯสามารถบรรลุเป้าหมาย และมีความก้าวหน้าในมิติที่สำคัญในเชิงกลยุทธ์ ไม่ว่าจะเป็นด้านการเติบโต (Growth) การสร้างผลกำไร (Profitability) และการสร้างความยั่งยืน (Sustainability) ซึ่งล้วนแต่เสิรมสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและผู้มีส่วนได้เสียทุกภาคส่วนในระยะยาว" นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กล่าว

ด้าน นางทองสุข อุปถัมภากุล กรรมการบริษัท ฝ่ายธุรกิจ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แนวทางการดำเนินธุรกิจโดยรวมของบริษัทว่า เป็นบริษัทที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของงการสร้างข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขันทางธุรกิจให้กับลูกค้า เราจึงให้ความสำคัญในเรื่องของการออกแบบผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม จาก R&D ที่มีความรู้ ความชำนาญ มากประสบการณ์ อีกทั้งบริษัทฯ เรายังมีทีมงานที่เรียกว่า Customer Relationship ที่คอยดูแลใส่ใจ ให้บริการ ให้คำแนะนำในการทำการตลาดอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า ไม่ใช่เพียงแต่เป็นผู้ผลิตอย่างเดียว

"ด้วยเพราะทาง เอส แอนด์ เจ มองว่า สิ่งที่สำคัญในโลกของการทำธุรกิจเครื่องสำอาง ไม่เพียงเฉพาะในการเป็นผู้ผลิตเท่านั้น การที่ได้ทราบความต้องการของผู้บริโภค เข้าใจตลาด ก็จะยิ่งทำให้ทางบริษัทสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคได้ และการที่ลูกค้ามีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ถือเป็นความภาคภูมิใจของทาง เอส แอนด์ เจ ที่สามารถให้คำแนะนำ การแก้ไขปัญหาต่าง ๆ โดยลูกค้าสามารถมั่นใจในการเลือกสินค้า ให้ตรงกับความต้องการของผู้บริโภคและตลาด สิ่งเหล่านี้ที่บริษัททำให้กับลูกค้า จะทำให้ธุรกิจของบริษัทเติบโตอย่างยั่งยืนมากกว่า"

โดยกลุ่มลูกค้าของ บริษัท เอส แอนด์ เจ อินเตอร์เนชั่นแนล เอนเตอร์ไพรส์ จำกัด (มหาชน) นั้นมีหลากหลายกลุ่ม ทั้ง Offline และ Online รวมไปถึงผู้ประกอบรายใหม่ๆ ในโลกออนไลน์ ก็มีเข้ามาในช่วงสถานการณ์การเปลี่ยนแปลงจากการเกิดการระบาดของ ไวรัสโควิด-19 เมื่อ 5 ปีก่อน ซึ่งการเติบโตในส่วนของลูกค้าออนไลน์ เติบโตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่ปัจจุบันเองก็มีกลุ่มลูกค้าจาก TikTok เพิ่มเข้ามาอีกด้วย ทำให้ เอส แอนด์ เจ ได้โอกาสผลิตสินค้าในการตอบโจทย์ให้กับลูกค้ากลุ่มนั้น ๆ โดยการเริ่มต้นทำธุรกิจอาจจะไม่จำเป็นต้องมีเงินลงทุนมากนัก เพียงหลักแสนก็สามารถผลิตสินค้าอย่าง ลิปสติก หรือ แป้ง ได้แล้ว

ด้าน Innovation ก็เป็นเรื่องที่สำคัญ ต้องมีความโดดเด่นและแตกต่างจากบริษัทอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อที่แปลกแตกต่าง สารสกัดที่เราสกัดเอง สร้างมูลค่าเพิ่มจากการช่วยเหลือชุมชนและเกษตรกร เป็นต้น สำหรับเทรนด์สินค้าก็เป็นเรื่องสำคัญที่เราต้องเข้าใจ เช่น Trend สินค้า Color Cosmetics ของทาง เอส แอนด์ เจ ก็จะผสมผสานความเป็นสกินแคร์เข้าไปในกระบวนการผลิตด้วย โดยสารพวกนี้จะเข้าไปบำรุง และจะช่วยทำให้สีของคัลเลอร์ติดทนได้นานยิ่งขึ้น สีสันชัดเจนเป็นธรรมชาติ ในด้าน Skin Care ของ เอส แอนด์ เจ เรามองว่าการที่ประเทศไทยเริ่มเป็นสังคมผู้สูงอายุมากขึ้น ทำให้ผลิตภัณฑ์ด้านการชะลอริ้วรอย ที่มีสารสกัดต่าง ๆ จากธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพในการที่จะปกป้องผิว และช่วยเรื่องลดริ้วรอยกลายเป็นที่นิยมมากขึ้น รวมถึงสินค้า SUN Product ของทาง เอส แอนด์ เจ ทุกตัวของเรา ก็เป็นสูตรไม่เหนียวเหนอะหนะ ปกป้องผิวจากแสงแดด UVA, UVB, Blue Light และมีสารที่ไม่ก่อให้เกิดการทำลายปะการัง อีกทั้งแม้สินค้าเนเชอรัลโปรดักส์จะมีต้นทุนราคาที่สูงขึ้นกว่าสินค้าปกติ แต่บริษัทก็พยายามที่จะพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบโจทย์ด้านสิ่งแวดล้อมและความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด โดยบริษัทได้มุ่งมั่นทำตลาดด้านนี้มาไม่ต่ำกว่า 5 ปีแล้ว

นอกจาก Personal Product สินค้าจำพวก Skin Care, Face, Body, Lotion, Roll on, Hygienic ที่ทาง เอส แอนด์ เจ มีหลากหลายและครอบคลุม แต่ประมาณหนึ่งปีที่ผ่านมา ทางบริษัทได้เพิ่มประเภทสินค้าใหม่ ในหมวด Pet Care หรือ ผลิตภัณฑ์เพื่อสัตว์เลี้ยงด้วย เนื่องจากทางบริษัทเล็งเห็นเทรนด์ใหม่ คนในยุคปัจจุบันและเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ ทำให้คนวางแผนการใช้ชีวิตไม่คิดที่จะมีลูก พร้อมเลี้ยงดูสุนัขและแมวแทน ทางบริษัทจึงมีสินค้าแชมพู-คอนดิชันเนอร์ เพื่อที่จะใช้ดูแลสุนัขและแมวของกลุ่มลูกค้า ซึ่งทุกๆ ผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ ทาง เอส แอนด์ เจ มองว่า ทุกตัวมีความสำคัญ และทำให้บริษัทสามารถยืนหยัดมาได้จนถึงทุกวันนี้ และยังต้องเติบโตไปพร้อม ๆ กันต่อไป

S&J พัฒนาองค์กรอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้วางระบบ SAP S/4HANA, Private Cloud Version Netizen Peony โดยเนทติเซนท์ (NETIZEN) เพื่อยกระดับระบบการทำงาน รองรับยอดขายการเติบโตขององค์กร

โดย S&J ได้เติบโตและพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ทั้งด้านมาตรฐานตลาดทุนหรือการพัฒนาด้านบริหารจัดการรวมถึงสิ่งแวดล้อม โดยในปี 2566 ที่ผ่านมา บริษัทได้รับรางวัลเชิดชูและรับรองมากมาย ดังนี้

  • รางวัล SET Awards 2023 ประเภท High Commended Sustainability Excellence Awards 2023 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • รางวัล Thailand Sustainability Investment 2023 หรือหุ้นยั่งยืน และ SET ESG Rating ระดับ AA ในปี 2566 จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
  • รางวัล อย.ควอลิตี้ อวอร์ด ปี 2566 จากสำนักคะณกรรมการอาหารและยา
  • ใบรับรองมาตรฐาน CGMP (Current Good Manufacturing Practice)/21CFR part 210,211 ในการผลิตสินค้าประเภท OTC (Over The Counter) ส่งขายไปยังประเทศสหรัฐอเมริกา
  • ใบรับรองคาร์บอนฟุตพริ้นท์องค์กร (Carbon Footprint of Organization : CFO) จากองค์การบริหารก๊าซเรือนกระจกมหาชน
  • ใบรับรองอุตสาหกรรมสีเขียวระดับที่ 4 วัฒนธรรมสีเขียว (Green Culture) จากกระทรวงอุตสาหกรรม

"ทั้งนี้ เพื่อรักษาขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนาไปพร้อมกับโลกที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ บริษัทมุ่งมั่นที่จะดำเนินธุรกิจไปด้วยความซื่อสัตย์ โปร่งใส ภายใต้หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี ควบคู่กับการมีส่วนร่วมในการพัฒนา สังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อม เพื่อร่วมผลักดันให้ทุกภาคส่วนเติบโตไปด้วยกันอย่างมั่นคงและยั่งยืน" นายบุญเกียรติ โชควัฒนา กล่าวทิ้งท้าย



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Sunday, 07 July 2024 17:36
จิราพร เดชปัญญา

Author : เกาะติดและเขียนข่าวเกี่ยวกับการท่องเที่ยว โรงแรมและร้านอาหาร ต่างประเทศ สุขภาพ เครื่องสำอาง แฟชั่น เครื่องประดับ จิวเวลรี่ สินค้าและอุปกรณ์ประเภทของใช้ในครัวเรือน ฯลฯ

Tweet Feed

Post Gallery

Taiwan Excellence นำเสนอมิติใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมโลหการ  ชูวิสัยทัศน์เด่น "Innovate for Green Metalwork"  ที่ Metalex 2024

ไต้หวัน เดินหน้านโยบายมุ่งใต้ใหม่ ยกระดับความร่วมมือไทย-ไต้หวัน พร้อมโชว์นวัตกรรมอัจฉริยะ ในงาน TAIWAN EXPO 2024

“เมทัลเล็กซ์ 2024” พร้อมโชว์ผลงานชิ้นเอกจาก 3,000 แบรนด์ จัดเต็มพื้นที่ศูนย์ไบเทคเตรียมรับนักอุตสาหกรรมจาก 50 ประเทศ

Taiwan Excellence ยกขบวนนวัตกรรมเครื่องจักรสุดล้ำ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ Net-Zero

Taiwan Expo 2024 พร้อมมอบโอกาสทางธุรกิจให้คนไทยอีกครั้ง 21-23 พ.ย. นี้ อัพเดทเทรนด์ ชมนวัตกรรม เทคโนโลยี โซลูชัน ที่ตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม

AP THAILAND – CPAC  ผนึกกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อการอยู่อาศัยไทยสู่ความยั่งยืน  ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยคอนกรีตคาร์บอนต่ำ และรถโม่เล็กซีแพค

“บางกอกเคเบิ้ล” ฉลองเส้นทางผู้นำธุรกิจสายไฟ 60 ปี มุ่งพลิกโฉมความปลอดภัย-อนาคตเมือง พัฒนา Smart Factory-รุกตลาดพลังงานสะอาด รับความต้องการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกโต 3 เท่า

นวพลาสติก คว้ารางวัล Thailand Kaizen Award 2024 ตอกย้ำองค์กรที่มุ่งมั่นด้านการลดการใช้พลังงาน และตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม

พสบ.ทภ.2 มอบบ้าน ตามโครงการ "พสบ.ฮักเลย สร้างบ้านให้ผู้ไร้ที่อยู่อาศัย"

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM