amatatanee-strip-Steel-Strip-Head

รายได้ "ทาทา สตีล" ขยายตัว เน้นกลยุทธ์การตลาด 3 เซฟ เพิ่มยอดขายผลิตภัณฑ์เหล็กมูลค่าเพิ่ม

ผลประกอบการทาทา  สตีล ฯ ไตรมาสแรกปีการเงิน 2562 (เมษายน –มิถุนายน 2561) ยอดขาย 5,443 ล้าน  EBITDA 216  ล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีการเงิน 2561  บาท เพิ่มร้อยละ 18 และร้อยละ 56  ตามลำดับ มั่นใจตลาดเหล็กก่อสร้างขยายตัวจากงานก่อสร้างเมกะโปรเจกต์ภาครัฐ วางเป้าหมายการขายเหล็กปีการเงิน 2562 อยู่ที่ 1.25-1.3 ล้านตัน

นายราจีฟ มังกัล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (TSTH) เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานประจำงบการเงินไตรมาสแรก ปี 2562 (เมษายน –มิถุนายน 2561) ว่า

บริษัทมีปริมาณการขยาย 281,000 ตัน เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีงบการเงิน 2561  สูงขึ้นร้อยละ 2  ทั้งนี้ยอดขายสุทธิไตรมาสแรกปีการเงิน 2562 เท่ากับ 5,443 ล้านบาท เทียบกับไตรมาสเดียวกันปีการเงิน 2561  เพิ่มขึ้นร้อยละ 18  สำหรับแนวโน้มการขยายในไตรมาส 2 ปีการเงิน 2562 (กรกฎาคม-กันยายน) และไตรมาสสาม (ตุลาคม-ธันวาคม 2561) เชื่อมั่นว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง อันเนื่องจากโครงการภาครัฐมีความคืบหน้าในการก่อสร้าง เช่น โครงการรถไฟฟ้าโครงการขยายสนามบิน เป็นต้น รวมทั้งบริษัทได้ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นรองรับช่องว่างของตลาดในประเทศ  ทั้งนี้ปกติผลิตภัณฑ์เหล็กของทาทา  สตีล ผลิตจำหน่ายในประเทศร้อยละ 90 ส่วนที่เหลือส่งออกขายต่างประเทศ ในแถบเอเชีย เช่น เมียนมากัมพูชาอินโดนีเซียอินเดีย  เป็นต้น

ปีงบการเงิน 2562 ทั้งปี(เมษายน 2561 – มีนาคม 2561) บริษัทประเมินยอดขายรวมอยู่ที่ 1.25-1.30 ล้านตัน  ดูปริมาณขายอาจลดลงเล็กน้อย จากเดิมที่เคยตั้งเป้าไว้ที่ 1.32-1.35 ล้านตัน แต่เชื่อมั่นว่าในส่วนของรายได้ไม่ลดลงเพราะราคาเหล็กทั่วโลกปรับเพิ่มขึ้น ในขณะที่บริษัทบริหารจัดการต้นทุนมีประสิทธิ์ภาพมากขึ้น

นายราจีฟ ย้ำว่า การใช้เหล็กก่อสร้างในไทยเพิ่มมากขึ้นในช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนมีนาคมซึ่งตรงกับครึ่งปีหลังของปีบัญชีของทาทา สตีลฯ   ดังนั้นทาง TSTH คาดว่าผลงานงวดบัญชีครึ่งหลังปี 2562 (ต.ค.61-มี.ค.62) ควรดีขึ้นกว่าครึ่งแรกปีบัญชี ส่วนประเด็นสงครามทางการค้าสหรัฐอเมริกาและประเทศจีนนั้นมองว่าไม่ได้มีผลกระทบต่อบริษัทโดยตรง เพราะ บริษัทไม่ได้ส่งสินค้าไปยังประเทศดังกล่าว แต่มีผลกระทบในทางอ้อมต่อวัตถุดิบประเภทเหล็กเศรษฐกิจที่ทำให้ราคาขยับสูงขึ้น เนื่องจากรัฐบาลของสหรัฐอเมริกามีการสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตเหล็กในประเทศ ทำให้มีความต้องการเศษเหล็กและวัตถุดิบอื่นๆ ในการผลิตเหล็กเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนเศษเหล็กและวัตถุดิบสำคัญเช่นแท่งถ่านในการอาร์คไฟฟ้าหลอมเหล็กมีราคาพุ่งขี้นอย่างต่อเนื่อง แต่ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ TSTH สามารถบริหารจัดการได้ เพราะสามารถเจรจากับลูกค้าเพื่อสะท้อนต้นทุนที่เพิ่มสูงขึ้นด้วย

ด้านนายชัยเฉลิม บุญญานุวัตร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาดและการขาย บริษัท ทาทา สตีล (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ชี้ว่า ทาทา สตีล (ประเทศไทย) เน้นกลยุทธ์การผลิตและจำหน่ายเหล็กสร้างมูลค่าเพิ่ม นั่นคือการผลิตและจำหน่ายสินค้าเหล็กนวัตกรรม “3 เซฟ” ด้วย 3 ผลิตภัณฑ์ เหล็กเส้นข้ออ้อยแรงดึงสูง SD50 เหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้านแผ่นดินไหว และเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป (Cut & Bend) ช่วยเซฟต้นทุนการก่อสร้าง เซฟชีวิตให้ปลอดภัย และ เซฟเวลาในการก่อสร้าง เพื่อตอบสนองการลงทุนของภาครัฐ และภาคเอกชน

เซฟที่หนึ่ง Cost save ประหยัดต้นทุน หมายถึงการเลือกใช้เหล็กเส้นข้ออ้อยแรงดึงสูง SD 50 เหล็กเส้นข้ออ้อยแรงดึงสูง SD 50 มีกำลังรับแรงมากกว่าเหล็ก SD 40จึงช่วย เซฟต้นทุนการก่อสร้างเพราะลดปริมาณการใช้เหล็กในการก่อสร้างได้มากกว่า 20% เมื่อเทียบกับเหล็ก SD 40 –ขณะที่ได้ความแข็งแรงเท่ากับ อีกทั้งช่วยเพิ่มตัวเลือกด้านการออกแบบที่หลากหลาย ส่งเสริมการออกแบบอาคารให้ทันสมัยมากขึ้น ทาทา สตีล ผลิตเหล็ก SD 50 ตั้งแต่ขนาด 10 – 40 มิลลิเมตร 

เซฟที่สอง Safety เพิ่มความปลอดภัย  หมายถึงเหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้านแผ่นดินไหว ทาทา ทิสคอน เอส ซุปเปอร์ ดั๊กไทล์ (SD 40 S, SD 50 S) ที่มีคุณสมบัติเหนียวกว่า สามารถดูดซับพลังงานจากแผ่นดินไหวได้มากกว่าเหล็กเส้นเกรดปกติอื่นๆ ช่วยเซฟชีวิต เพิ่มความมั่นใจด้านความปลอดภัยแก่ผู้อยู่อาศัย เหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้านแผ่นดินไหวมีคุณสมบัติเทียบเท่ามาตรฐานสากล เช่น BS (อังกฤษ), SS (สิงคโปร์), EC2 (ยุโรป) และ ASTM (สหรัฐอเมริกา)

เซฟทีสาม Time save ประหยัดเวลา หมายถึงการใช้นวัตกรรมเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป (Cut and Bend)ที่เป็นบริการแบบเบ็ดเสร็จด้วยการตัดและดัดเหล็กสำเร็จรูปตามแบบที่ลูกค้าต้องการ ช่วยเซฟเวลาในการก่อสร้าง ไม่ต้องรอแรงงานตัดและดัดเหล็กที่หน้างาน อีกทั้งยังช่วยลดการสูญเสียเหล็กที่ถูกตัดทิ้งเป็นเศษเหลือใช้โดยเปล่าประโยชน์

ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ – การตลาดและการขาย  ทาทา  สตีด กล่าวว่า สินค้าเหล็กนวัตกรรม “3 เซฟ”  ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์เหล็กสร้างมูลค่าเพิ่มนั้น ตอบสนองการลงทุนโครงสร้างต่างๆ ช่วยให้ผู้รับเหมาโครงการทั้งภาคเอกชนรวมถึงภาครัฐได้ใช้เหล็กคุณภาพมาตรฐานสูง ประหยัดการใช้ทรัพยากร ลดต้นทุนในส่วนของการก่อสร้าง ช่วยในการประหยัดพลังงาน และทำให้เศรษฐกิจโดยรวมดีขึ้น

“บริษัทตั้งเป้าหมายภายในสิ้นปีการเงิน 2562 จะผลักดันยอดขายเหล็กเส้นข้ออ้อยแรงดึงสูง SD 50 เหล็กเส้นเหนียวพิเศษต้านแผ่นดินไหว และเหล็กเส้นตัดและดัดสำเร็จรูป เพิ่มขึ้นรวมเป็น 220,000 ตันหรือประมาณร้อยละ 17  ของปริมาณการขายรวมทั้งหมด”

ที่มา : consmag

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Tuesday, 23 October 2018 14:08
กำจัด ชื่นคชลักษณ์

Author : เกาะติดทุกข่าวในอุตสาหกรรมก่อสร้าง อสังหาริมทรัพย์ สถาปัตยกรรม ออกแบบตกแต่ง วัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง อาคารเขียว  วิศวกรรม กฏหมายก่อสร้าง ข่าวสถาปนิก ฯลฯ

Tweet Feed

Post Gallery

Taiwan Excellence โชว์โซลูชั่นระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ปลดล็อคศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ในงาน Manufacturing Expo 2025

Zoomlion ฉลองครบ 10 ปีในไทย พร้อมเปิดศูนย์ครบ 10 สาขา เดินหน้าขยายบริการภาคอีสาน ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่อุบล

มันส์ติดขอบสนาม กับศึกโมโตครอส C "Thailand Motocross 2025" สนาม 6-7จะมีขึ้นที่ ซิลเวอร์ ร็อค จ.เลย ลุ้นแย่งแชมป์ มันส์ระเบิดแน่!!!

"เทระวัตต์ เอนเนอร์จี" ผนึก 4 พันธมิตรชูบริการ "ONE STOP SERVICE" จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เปิดตัว ‘SigenStor’ All-in-One โซลูชันระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมแบตเตอรี่ และ AI อัจฉริยะ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก SIGENERGY ครั้งแรกในประเทศไทย

อร่อยกับ “มาม่า” แล้วไปสนุกจัดเต็มกับคอนเสิร์ตออร์เคสตราสุดยิ่งใหญ่  “Bodyslam Power of The B-Side Concert ความฝันกับจักรวาล”

แกร็บ ผนึก กทม. หนุนนโยบายสร้างเมืองปลอดภัย  ดึง บุ๋ม ปนัดดา ปลุกพลังคนขับป้องกันภัยคุกคามทางเพศ

กลุ่มธุรกิจ TCP ผสานพลัง บีไอจี นำไนโตรเจนคาร์บอนต่ำใช้ในกระบวนการผลิตมุ่งสู่ Net Zero

finbiz by ttb แนะธุรกิจ SME นำ AI เทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

เผยความต้องการซื้อรถยนต์มือสองตลาดภูมิภาคมีแนวโน้มเติบโต AUCT จับมือไฟแนนซ์เปิดประมูลขายทั่วประเทศไม่มีวันหยุด

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM