IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลบ่อยครั้งของประเทศทำให้โครงการใหญ่ๆหลายอย่างไม่ต่อเนื่อง เช่น โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟรางคู่ขอนแก่น-หนองคาย และ รถไฟทางคู่จิระ-อุบลราชธานี ฯลฯ ซึ่งรัฐบาลในขณะนี้ยังไม่สามารถเบิกเงินงบประมาณประจำปี 2567 มาลงในโครงการดังกล่าวได้
คุุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ แถลงข่าว “การปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของซิโน-ไทยฯ” ซึ่งประกอบไปด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) (“บริษัทโฮลดิ้ง”) ณ ห้องประชุุมใหญ่ชั้น 30 อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า จากการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยีของโลกในปัจจุบันทำให้เรามองเห็นธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้นอกจากงานก่อสร้าง และนั่นถือเป็นโอกาสในการพัฒนาธุรกิจ บริษัทจึงได้มีการวางกลยุุทธ์ในการลงทุนในธุุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น เรายังคงให้ความสำคัญในธุรกิจวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของเรา โดยแบ่งกลุ่มธุรกิจ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ กลุ่มธุรกิจหลักและกลุ่มธุรกิจอื่น
- กลุ่มธุรกิจหลัก เราจะแยกออกเป็นกลุ่มธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ดำเนินการภายใต้บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน)
- กลุ่มธุรกิจอื่น คือ กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับการให้บริการสาธารณูปโภคพื้นฐานและพลังงาน, กลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวกับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมและการขนส่ง รวมถึงโครงการสัมปทานอื่นๆ ของภาครัฐ
บริษัท สเตคอน เพาเวอร์ จำกัด บริษัทในกลุ่ม ซิโน-ไทย จับมือ 2 พันธมิตรจัดตั้ง DC POWER BN1 ทำโครงการ Data Center จำนวน 4 อาคาร มูลค่ากว่า 8 พันล้านบาท หวังเปิดศักราชใหม่แห่งนวัตกรรมดิจิทัลในกรุงเทพและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยจะนำร่องสร้าง 2 อาคารก่อน คาดสามารถสร้างรายได้ในปี 2568 อาคารละ 300 ล้านบาทต่อปี
นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า "ในส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น เรามีแผนที่จะลงทุุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษััท และสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาว ปัจจุบันเราได้เริ่มเดินหน้าจัดตั้งและบริหารจัดการ ดังนี้"
- บริษัท วิสดอม เซอร์วิสเซส จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการขายและให้เช่าเครื่องจักรขนาดใหญ่ด้วยมาตรฐานระดับสากล จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นตัวแทนจำหน่ายและบริการ ภายใต้การนำเข้าแบรนด์ชั้นนำระดับโลก อย่างเช่น Liebherr จากประเทศเยอรมันนี และ Kato จากประเทศญีปุ่น
- บริษัท เอส เอ็น ที คอนกรีต โซลูชั่น จำกัด ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการรับผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปที่ใช้ในโครงการสำคัญต่างๆ เช่น โครงการรถไฟฟ้า โครงการทางยกระดับ สะพาน รวมถึงงานอุโมงค์ขนาดใหญ่ เป็นต้น
- บริษัท สเตคอน เพาเวอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทเดิมที่อยู่ในกลุ่ม ซิโน-ไทย บริษัทได้บริหารจัดการ ให้เข้าดูแลในส่วนงานด้านพลังงาน ปัจจุบันได้จับมือกับพันธมิตรจัดตั้ง บริษัท DC Power BN1 จำกัด เพื่อลงทุนในธุรกิจ Data Center บนพื้นที่ติดถนนบางนา-ตราด กม.4
บริษัทฯ จึงได้มีปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ ทั้งการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของบริษัทฯ ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สเตคอน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) โดยบริษัทโฮลดิ้งจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทฯ กำหนดวิธีการชำระค่าหุ้น ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทโฮลดิ้งในอัตราการแลกหุ้น (Share Swap ) หุ้นสามัญของบริษัทโฮลดิ้ง 1 หุ้น ต่อ หุ้นสามัญของบริษัท 1 หุ้น ซึ่งคาดว่าจะดำเนินการยื่นขออนุมัติจากสำนักงาน ก.ล.ต. ราวเดือนกรกฏาคม ปี 2567 หลังจากนั้นจะยื่นขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทฯ ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน
โดยบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะมีกำไรเติบโตแตะระดับ 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายจะมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ในระดับ 1 แสนล้านบาท ในอีก 5-10 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 1.24 หมื่นล้านบาท
“ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว เพราะมองเห็นโอกาสและลู่ทางในธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาพัฒนาต่อยอดได้ นอกจากงานก่อสร้าง จากการเติบโตทางเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีของโลกในปัจจุบัน และภายหลังการดำเนินการดังกล่าว จะมีการแบ่งการบริหาร และกำหนดนโยบายของกลุ่มธุรกิจเดิม และกลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง เพื่อให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่และรองรับแผนการเติบโตในอนาคตได้อย่างยั่งยืน”
ได้มีการวางกลยุทธ์ในการลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีการเติบโตสูง (New S-Curve) และธุรกิจก่อสร้างเดิมที่มี Backlog แข็งแกร่งกว่าแสนล้านบาท รวมถึงผลักดันให้รายได้ประจำ (Recurring income) มีสัดส่วนที่มากขึ้น
นายภาคภูมิกล่าวต่อว่า แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการบริหารจัดการได้เป็นอย่างดี และในส่วนกลุ่มธุรกิจอื่น บริษัทมีแผนที่จะลงทุนในธุรกิจใหม่ที่มีความสามารถในการเติบโตสูง โดยจะพัฒนาและศึกษาความเป็นไปได้ และผลตอบแทนของธุรกิจใหม่ เช่น ธุรกิจเทคโนโลยีและสารสนเทศ เป็นต้น แผนปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการนี้ จะสามารถเพิ่มความสามารถในการเติบโตของบริษัทและสร้างผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทโฮลดิ้งในระยะยาวอีกด้วย
"ทั้งหมดนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงในกลยุุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ซิโน-ไทย ซึ่งเป็นการพัฒนาธุุรกิจอย่างยั่งยืนโดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม เป็นสำคัญ และวันนี้ STECON GROUP และกลุ่มบริษัท พร้อมเดินหน้าอย่างเต็มกำลัง ที่จะทุ่มเทความรู้ ความสามารถ ในการพัฒนาธุุรกิจ ให้เติบโต มั่นคง แข็งแกร่ง พร้อมกับการพัฒนาประเทศต่อไป"
“ปัจจุบันบริษัทมีมูลค่างานก่อสร้างในมือประมาณ 1.02 แสนล้านบาท ปีนี้คาดว่าจะรับรู้รายได้ 26,000 -27,000 ล้านบาท สำหรับปี 2567 ยังคงเตรียมประมูลงานก่อสร้างโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐอย่างต่อเนื่อง โดยไม่เน้นงานก่อสร้างอาคารของภาคเอกชนเนื่องจากมีการตัดราคากันสูง” นายภาคภูมิ กล่าวทิ้งท้าย
“Move To The Next Chapter” “ก้าวสู่บทใหม่ของ ซิโน-ไทย”
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ ร่วมด้วย คุณใจแก้ว เตชะพิชญะ กรรมการรองผู้จัดการสายงานการเงินและบริหาร และคุณจารุณัฐ จิรรัตน์สถิต รองกรรมการผู้จัดการสายงานปฏิบัติการ ได้มาพบกับคณะผู้บริหาร และพนักงาน ในวาระ “ผู้บริหารพบพนักงาน ประจำปี 2567” ณ อาคารซิโน-ไทย ทาวเวอร์ เพื่อมอบนโยบาย และแนวทางการดำเนินงาน โดยจะเป็นการให้ข้อมูลของการดำเนินงาน รวมถึงการปรับโครงสร้างการถือหุ้น และการจัดการของ ซิโน-ไทยฯ เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับ ซิโน-ไทย พร้อมมอบนโยบายการขับเคลื่อนองค์กร
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STEC กล่าวว่า "นโยบาย (Policy) เป็นการกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน อันนำมาซึ่งความสำเร็จ บรรลุวัตถุุประสงค์โดยมีเป้าหมายและทิศทางเดียวกัน ผมขอขอบคุณ พนักงาน ซิโน-ไทย ทุกท่าน ที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจ ในการทำงานในทุกๆ ส่วนของโครงการ จนเป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปว่าผลงานของเรามีคุณภาพ ซึ่งผลงานทีมีคุณภาพนั้น จะต้องถูกผลิตจาก คนที่มีคุณภาพ ทุุกคนคือฟันเฟืองที่ประกอบกันขององค์กร และพนักงาน ซิโน-ไทย คือ สิ่งที่มีคุณค่าสูงสุุดขององค์กร ผมขอให้เรารักษา วัฒนธรรม ความตั้งใจ ความสามัคคีนี้ไว้ต่อไป องค์กรของเราจะเริ่มบทบาทใหม่่ “The Next Chapter” ในปี 2567 เป็น บทบาทที่จะเต็มไปด้วยความสำเร็จเราจะไม่ปล่อยให้สถานการณ์ต่างๆ มากำหนดทางเดินของเราอีกต่อไป เราจะเลือกทางเดินของเราเอง ซิโน-ไทย มีรากฐานที่มั่นคงจากธุรกิจ งานวิศวกรรมและก่อสร้าง ซึ่งเป็นงานที่เรา มีความถนัด เรามีบุคลากรที่รักและซื่อสัตย์ต่อองค์กร เราจะใช้ฐานความมั่นคงนี้ มุ่งหน้าออกไปหาสิ่งใหม่ๆ และมองไปข้างหน้า มันอาจต้องใช้ระยะเวลาบ้าง แต่ขอให้เชื่อมั่นว่าบทบาทใหม่ของเรา จะประสบความสำเร็จ สามารถสร้างความ มั่นคง แข็งแกร่ง สร้างความสุข ให้เกิดขึ้นกับองค์กรและพวกเราทุกคนในอนาคต และผมขอมอบ นโยบาย (Policy) “Move To The Next Chapter” “ก้าวสู่บทใหม่ของ ซิโน-ไทย” เพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติงานของบุคลากร ในองค์กรต่อไป"
มอบ “อาคารชาญวีรกูลที่ 71”
บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ได้จัดพิธีมอบ “อาคารชาญวีรกูลที่ 71” ซึ่งเป็นอาคารเรียน ขนาด 1 ห้องเรียน 2 ห้องน้ำ ให้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านพญาโกหา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ภายใต้โครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม” โดย คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เป็นประธานในพิธีมอบ พร้อมด้วย คณะผู้บริหาร และพนักงาน ซึ่งได้รับเกียรติจาก คุณสุรพล วงศ์หวัน ผู้อำนวยการ สำนักงานส่งเสริมการเรียนรู้ จังหวัดเชียงราย เป็นตัวแทนรับมอบอาคารฯ นอกจากนี้ยังมอบอุปกรณ์การเรียน และอุปกรณ์กีฬา เพื่อให้ได้ใช้ประโยชน์ด้านการศึกษา อันจะสามารถสร้างเด็ก เยาวชน ให้เติบโตอย่างมีคุณภาพ นอกจากนั้นพี่ๆพนักงาน จากสำนักงานใหญ่ ยังร่วมกันปันน้ำใจ บริจาคสิ่งของเหลือใช้มาให้เด็กนักเรียน และประชาชนในชุมชนอีกด้วย
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า “โครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม” เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2545 ดำเนินการมากว่า 22 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและเท่าเทียมด้านการศึกษา บริษัทฯ จึงได้ดำเนินการจัดสร้าง อาคารเรียน อาคารห้องสมุด และอาคารเอนกประสงค์ ในชื่อของ “อาคารชาญวีรกูล” เพื่อมอบให้กับโรงเรียนที่มีความขาดแคลนในถิ่นทุรกันดาร รวมถึงโรงเรียนที่มีความจำเป็นแต่ขาดงบประมาณในการก่อสร้าง จนปัจจุบันบริษัทฯ ได้ส่งมอบอาคารต่างๆ ไปแล้วทั่วประเทศไทย รวมทั้งสิ้น 70 โรงเรียน และปีนี้เราได้จัดสร้างอาคารชาญวีรกูลที่ 71 เพื่อมอบให้แก่ ศูนย์การเรียนชุมชนชาวไทยภูเขา “แม่ฟ้าหลวง” บ้านพญาโกหา อ.แม่สรวย จ.เชียงราย ได้เป็นจุดศูนย์รวมการศึกษาให้เด็กนักเรียนในชุมชน รวมถึงชุมชนในพื้นที่ใกล้เคียง ได้เล่าเรียนจนเติบโตเป็นกำลังสำคัญที่มีคุณภาพของประเทศ ซึ่งถือเป็นความภาคภูมิใจ ที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาของประเทศไทย”
ทั้งนี้บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าโครงการ “ซิโน-ไทย คืนกำไรสู่สังคม”อย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งมั่นที่จะก่อสร้างอาคารชาญวีรกูล ให้ครอบคลุมทั่วทุกภูมิภาค ของประเทศไทย เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการส่งเสริมการศึกษาของประเทศไทย รวมถึงการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน ESG ให้แก่ชุมชนและสังคมได้เติบโต พร้อมกับการขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อพัฒนาประเทศต่อไป
ศูนย์ SLC ได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน LEED ระดับ GOLD
อาคาร Sino-Thai Learning Center (SLC) ซึ่งเป็นศูนย์การเรียนรู้ ของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งอยู่ ณ อำเภอไทรน้อย จังหวัดนนทบุรี ที่ได้เปิดใช้อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 25 เดือนตุลาคม พ.ศ.2566 ในปลายปีที่ผ่านมานั้น
ปัจจุบัน อาคารนี้ได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน Leadership in Energy & Environmental Design หรือ LEED ระดับ GOLD ในด้านการออกแบบและก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ ออกแบบมาเพื่อความเป็นผู้นำด้านการประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมีสภาอาคารสีเขียวสหรัฐอเมริกา หรือ U.S. Green Building Council (USGBC) ได้เป็นผู้กำหนดเกณฑ์ในการประเมินอาคาร ทั้งในสหรัฐอเมริกาและประเทศต่างๆ เกือบทั่วโลก มานานกว่า 10 ปี
คุณภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ เปิดเผยว่า "อาคารศูนย์การเรียนรู้ SLC นี้ เป็นอีกก้าวหนึ่งที่สำคัญในการขับเคลื่อนองค์กร ซึ่งซิโน-ไทยฯ ได้มุ่งเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาความรู้ พัฒนาทักษะ ในการทำงานต่อบุคลากร ซึ่งศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ จะเป็นแหล่งรวมข้อมูลเรื่องงานด้านวิศวกรรมและก่อสร้าง ที่วันนี้เราจะเปิดโอกาสให้บุคลากรทั้งภายใน และภายนอกองค์กร ได้เข้ามารับความรู้ ทักษะ จากวิทยากร ที่มีประสบการณ์ มีความเชี่ยวชาญ ซิโน-ไทย เราทุกท่านคงทราบดีว่าเรามีประสบการณ์ในการบริหารงานก่อสร้างมายาวนานกว่า 61 ปีทำงานมาแล้วน่าจะครบทุกประเภทของสิ่งก่อสร้างในประเทศไทย จึงสามารถมั่นใจได้ว่า ด้วยประสบการณ์ของบุคลากรของเราจะถูกถ่ายทอดให้ผู้เข้าอบรมได้อย่างดี และสามารถที่จะจุดประกายแนวความคิด ให้สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ"
ศูนย์การเรียนรู้แห่งนี้ เป็นอาคาร 2 ชั้น ที่พร้อมด้วยเทคโนโลยีและอุปกรณ์ที่ทันสมัยบนพื้นที่กว่า 9 ไร่ เป็นอาคารต้นแบบ ในด้านอาคารเขียว ตามมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ LEED และได้รับการรับรองเป็นอาคารเขียวมาตรฐาน LEED ระดับ GOLD สามารถรองรับผู้เข้าอบรมได้กว่า 100 คน มีอาคารศูนย์อาหารที่ได้มาตรฐานสุขอนามัย อาคารที่พักพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวก 2 อาคาร จำนวน 40 ห้อง และมีลานจอดรถที่กว้างขวาง สามารถรองรับผู้เข้าอบรมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ซึ่งบริษัทให้ความสำคัญในการพัฒนาบุคลากรและขับเคลื่อนธุรกิจ เพื่อให้สอดคล้องกับการพัฒนาธุรกิจอย่างยั่งยืน (ESG) ซิโน-ไทยฯ พร้อมเดินหน้าในการพัฒนาความรู้ เสริมสร้างศักยภาพ ทั้งบุคลากรภายในองค์กร และภายนอกองค์กร โดยคำนึงถึงการบริหารจัดการที่ดี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และมีส่วนร่วมในการดูแลชุมชนสังคม เพื่อพัฒนาประเทศให้เติบโตอย่างยั่งยืนตลอดไป