IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการจำหน่าย บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า ทางบริษัทฯได้เข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ Mai เชื่อมั่นว่าหุ้น STC จะสามารถสร้างความประทับใจให้กับผู้ถือหุ้นและนักลงทุนได้ เนื่องจากบริษัท มีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ประกอบกับแนวโน้มการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและโครงการต่างๆในเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และในพื้นที่ภาคตะวันออก (EEC) สนับสนุนให้ความต้องการใช้ผลิตภัณฑ์ของ STC เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
โดยล่าสุดบริษัทฯ ได้ขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปประเภทท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็ก,บ่อพักน้ำ และท่อระบายน้ำรูปสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่
ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ที่นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยสนับสนุนในการผลิต มีคู่แข่งในพื้นที่น้อยรายที่สามารถผลิตได้ ควบคู่ความสามารถในการทำกำไรในระดับสูงขึ้น จึงมั่นใจว่านักลงทุนจะเชื่อมั่น และมองเห็นโอกาสการเติบโต
ที่ผ่านมาอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในเขตพื้นที่โซนตะวันออก โดยเฉพาะเมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี ไม่เคยหลับใหล หลักๆ เป็นการลงทุนภาคเอกชน สะท้อนผ่านสัดส่วนรายได้เอกชนสูงถึงระดับ 70% และภาครัฐ 30% ทว่า นับตั้งแต่ปี 2561 เป็นต้นไปอุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้างในเมืองพัทยาได้รับอานิสงค์จากการลงทุนครั้งใหญ่ของไทย ผ่านโครงการ EEC ส่งผลให้พื้นที่ใน 3 จังหวัด คือ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และ ระยอง มีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
ผลิตภัณฑ์หลักของ STC แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ
-
ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 70% ซึ่งบริษัทผลิตและจำหน่ายคอนกรีตสำเร็จรูปสำหรับงานก่อสร้างอาคารแนวราบและแนวสูง รวมถึงงานโครงสร้างและงานฐานรากต่างๆ (Foundation and Structure) งานปรับปรุงพื้นที่และภูมิทัศน์ (Landscape Construction) เช่น งานกำแพงกั้นดินและงานรั้ว เป็นต้น และโครงสร้างพื้นฐาน (Infrastructure) ต่างๆ เช่น ระบบระบายน้ำ เป็นต้น
-
ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จ (Ready-Mixed Concrete) คิดเป็นสัดส่วนรายได้ 30% ซึ่งบริษัทผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จตามคำสั่งของลูกค้า ซึ่งแต่ละสูตรการผลิตคอนกรีตผสมเสร็จแตกต่างกันตามการใช้งาน บริษัทจึงต้องศึกษาและพัฒนาปรับเปลี่ยนสูตรการผลิตเพื่อให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า ทั้งนี้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีอายุใช้งานจำกัด ทำให้การบริการขนส่งคอนกรีตผสมเสร็จด้วยรถคอนกรีตมิกซ์เซอร์จะทำได้แค่รัศมีไม่เกิดระยะเวลา 2 ชั่งโมง หรือราว 20 ถึง 25 กิโลเมตร
-
การให้บริการที่เกี่ยวข้อง (Related Service) โดยบริษัทยังมีการให้บริการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ให้บริการตอกเสาเข็ม บริการบั๊มคอนกรีตขึ้นที่สูง หรือบริเวณที่รถคอนกรีตมิกซ์เซอร์เข้าไม่ถึง เป็นต้น เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างครบวงจร (One Stop Shop)
ที่ผ่านมา STC มีการเติบโตทั้งด้านรายได้และกำไรที่โดนเด่น ตามนโยบายการลงทุนในโครงการ EEC เริ่มชัดเจนมากขึ้น ซึ่งบริษัทมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง ขณะที่ STC ขยายกำลังการผลิต เพื่อรองรับดีมานด์จากงานของภาครัฐบาลและเอกชน เพื่อสอดรับกับนโยบาย EEC ไว้เรียบร้อยแล้ว สอดคล้องกับเงินระดมทุนหลังจากนำไปชำระคืนหนี้เงินกู้สถาบันการเงินแล้ว ที่เหลือบริษัทจะนำมาเป็นเงินหมุนเวียนเพื่อเพิ่มศักยภาพธุรกิจให้แข็งแกร่งขึ้น พร้อมรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมงานก่อสร้าง งานระบบระบายน้ำ งานนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในเมืองพัทยาและพื้นที่เชื่อมโยง จังหวัดชลบุรี และจังหวัดใกล้เคียงในเขตภาคตะวันออกที่กำลังขยายตัว
ปัจจุบันบริษัทมีโรงงาน 4 แห่ง ซึ่งตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมืองพัทยา ทำให้บริษัทได้เปรียบทางธุรกิจในเรื่องของระยะทางขนส่ง และต้นทุนการแข่งขันที่สามารถบริหารจัดการได้ดีกว่าคู่แข่งมาก ประกอบกับ 'STC' ได้รับการยอมรับและความน่าเชื่อถือจากลูกค้ามานานกว่า 30 ปี จึงสนับสนุนให้ STC มีการเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงที่ผ่านมา และด้วยการนำเทคโนโลยีขั้นสูงมาใช้ในการผลิตท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพักขนาดใหญ่ ซึ่งหาคู่แข่งได้น้อยราย ทำให้สามารถสร้างกำไรที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับอดีต
นอกจากนี้ บริษัทมีแผนลงทุนในระยะ 3 เพื่อขยายกำลังการผลิตให้เพียงพอต่อความต้องการผลิตภัณฑ์คอนกรีตที่คาดว่าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องในอนาคต คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 120 ล้านบาท เพื่อซื้ออุปกรณ์และเครื่องจักร โดยจะมีกำลังการผลิตประมาณ 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน คาดว่าจะเริ่มลงทุนในปี 2564 คาดว่าเงินลงทุนจะมาจากเงินทุนหมุนเวียนของกิจการในอนาคต
สำหรับ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐที่เกิดขึ้นเพื่อรองรับโครงการ EEC เช่น โครงการปรับปรุงทางหลวงและโครงข่ายถนนสายรองในพื้นที่รอบๆ อู่ตะเภา , นาบตาพุด และถนนเลียบชายฝั่งทะเลระยอง-ชลบุรี เพื่อเป็นการเชื่อมต่อการเดินทางเพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ EEC ซึ่งวงเงินลงทุนในปี 2562 มีมูลค่ากว่า 18,490 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีคำสั่งซื้อ ผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูป เช่น ท่อระบายน้ำคอนกรีตเสริมเหล็กและบ่อพัก เป็นต้น