IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายเอกชัย ชัยตระกูลทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 2566 นี้ บริษัทฯ ได้เน้นการบริหารจัดการ การรับงานให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด เพื่อรองรับออเดอร์ที่เพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) กว่า 100 กว่าล้านบาท และคาดในไตรมาส 2/2566 เป็นต้นไป จะมียอด Backlog เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 200-300 ล้านบาท หลังจากบริษัทฯคอยติดตามเรื่องต้นทุนวัตถุดิบ ประกอบกับทิศทางงานกลุ่มอสังหาริมทรัพย์จะขยายงานมาก และคาดว่าทิศทางธุรกิจปี 2566 คาดจะดีต่อเนื่องจากปี 2565 อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ในปี 2566-2567 บริษัทฯ มองว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จะเริ่มกลับมาฟื้นตัวและเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในแถบพื้นที่ภาคตะวันออก ที่เริ่มมีการลงทุนในการก่อสร้างแนวราบ รวมถึงมีกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เริ่มกลับมาเที่ยวพัทยา ทั้งจากจีน อินเดีย สถานประกอบการต่างๆ ก็เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ รวมถึงโรงแรม อพาร์ทเม้นท์ จากช่วงที่ผ่านมาเงียบเหงาเพราะปิดดำเนินการชั่วคราวก็เริ่มกลับมาคึกคัก อัตราการว่างงานลดลง การจ้างงานมีตัวเลขที่สูงขึ้น ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า อุตสาหกรรมวงการก่อสร้างก็จะกลับมาเช่นกัน
ล่าสุดบริษัทฯได้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ท่อระบายสำเร็จรูปขนาดใหญ่ ซึ่งจากที่ผ่านมาจะเห็นว่าประเทศไทยเราประสบปัญหาน้ำท่วมในทุกปี จากการที่น้ำไม่มีที่ระบายจึงจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้ใต้ผิวการจราจร เราจึงได้ออกแบบท่อระบายขนาดใหญ่พิเศษ ขนาด 3*3 เมตร ใหญ่ขนาดที่รถวิ่งผ่านได้
ล่าสุดบริษัทฯได้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ท่อระบายสำเร็จรูปขนาดใหญ่พิเศษ ขนาด 3*3 เมตร ใหญ่ขนาดที่รถวิ่งผ่านได้ เพื่อให้รองรับการระบายน้ำในช่วงหน้าฝนได้ เนื่องจากที่หลายพื้นที่และโครงการต้องการท่อระบายน้ำขนาดใหญ่
ในปี 2565 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีการขยายการหลายส่วน เช่นสร้างโรงงานเฟส 3 ที่สามารถผลิตชิ้นงานเฉพาะแบบ Make to order ให้กลับกลุ่มลูกค้าพิเศษ ซึ่งถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์ที่สร้างมูลค่าให้กับบริษัทฯให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าสินค้าทั่วไป นอกจากนี้ยังได้ขยายช่องทางการจัดจำหน่ายไปยังกลุ่มโมเดิร์นเทรด ด้วยการออกผลิตภัณฑ์พิเศษมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งรายได้ในปีที่ผ่านมาถือว่าผลประกอบรายได้เป็นที่น่าพอใจ จากมีรายได้เพิ่มจากกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ที่มีสัดส่วนกำไรขั้นต้นสูงขึ้น รวมทั้งการปรับมูลค่าสินค้าเดิมเพิ่มขึ้นให้สอดคล้องกับต้นทุนวัตถุดิบหลักที่ยังคงปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงภาพรวมของเศรษฐกิจในพื้นที่เมืองพัทยาและภาคตะวันออกฟื้นตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน
โดยช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ออกผลิตภัณฑ์ใหม่ เนื่องจากมี Request จากลูกค้าว่าต้องการผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ผลิตจากโรงงานเพื่อให้สะดวกต่อการทำงานก่อสร้าง ให้หน้างานทำงานด้วยความรวดเร็ว และไม่มีเศษวัสดุค้างที่หน้างาน บริษัทฯ จึงคิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าด้วย ล่าสุดบริษัทฯได้ เปิดตัวผลิตภัณฑ์ ท่อระบายสำเร็จรูปขนาดใหญ่ ซึ่งจากที่ผ่านมาจะเห็นว่าประเทศไทยเราประสบปัญหาน้ำท่วมในทุกปี จากการที่น้ำไม่มีที่ระบายจึงจำเป็นต้องเก็บน้ำไว้ใต้ผิวการจราจร เราจึงได้ออกแบบท่อระบายขนาดใหญ่พิเศษ ขนาด 3*3 เมตร ใหญ่ขนาดที่รถวิ่งผ่านได้ เพื่อให้รองรับการระบายน้ำในช่วงหน้าฝนได้ เนื่องจากที่หลายพื้นที่และโครงการต้องการท่อระบายน้ำขนาดใหญ่ จึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี
STC อยู่ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และการก่อสร้าง ดำเนินงานด้วย Vision เชื่อถือได้ สร้างสรรค์ เอาใจใส่ กล้าคิดและกล้าทำ และด้วย Mission คือ มุ่งมั่น สู่ความเป็น 1 ด้านสินค้าและการบริการ จากการต่อยอดจากธุรกิจเดิมคือร้านวัสดุก่อสร้างและได้เติบโตมาอย่างมั่นคง เพื่อผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์คอนกรีต ทั้งกลุ่มคอนกรีตสำเร็จรูป เช่นเสาเข็ม ท่อระบายน้ำ คานสำเร็จรูป รวมถึงสินค้าสั่งหล่อพิเศษ จากลูกค้าบางกลุ่มไม่อยากทำงานที่หน้างานต้องการงานสำเร็จรูปเลย และกลุ่มคอนกรีตผสมเสร็จ จะผลิตโดยเครื่องจักรและจัดส่งให้ลูกค้ารองรับเพื่อลดขั้นตอนการทำงานก่อสร้าง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ปั๊มนำ และปั่นจั่น
บริษัทฯมีสำนักงานใหญ่ ริมถนนสุขุมวิทก่อนถึงพัทยา ในพื้นที่ที่เป็นศูนย์กลางของทางภาคตะวันออกที่มีการเติบโตขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์แนวราบ โดยมีโรงงานทั้งหมด 5 แห่ง ในจังหวัดชลบุรี คือพัทยา 1, พัทยา 2, หนองเปรือ, นาวัง และห้วยใหญ่ โดยความคืบหน้าการปรับปรุงโรงงานนาวัง จากเฟสที่1 เปิดมาตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งเครื่องจักรของโรงงานนี้เราใช้งานมายาวนานกว่า 10 ปี จึงจำเป็นต้องสั่งซื้อเครื่องจักรเพิ่มจากต่างประเทศ 2 ชุด เพื่อรองรับการการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทั้งนี้บริษัทจะขยายโรงงานนาวัง เฟส 5 หลังเฟส 3 และ 4 ขยายโรงงานเรียบร้อยแล้ว สำหรับโรงงานเฟส 5 จะเพิ่มกำลังผลิตอีก 1.5 แสนคิวต่อปี เบื้องต้นคาดจะใช้งบลงทุนประมาณ 100 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังได้เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตส่วนโรงงาน ทั้งการปรับปรุงนวัตกรรมและการเพิ่มเครื่องจักร รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนให้สอดคล้องกับกำไร เพื่อให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ มีการปรับกลยุทธ์ในการขายและการบริการ เนื่องจากทางคู่ค้าก็มีการขยายงานและปรับตัว บริษัทฯเองก็พยายามพัฒนาปรับปรุงการดำเนินงานเพื่อให้รองรับกับสภาวการณ์ที่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
สำหรับแผนการลงทุนในปี 2566 นี้ บริษัทฯได้เตรียมก่อสร้างโรงงานผลิตที่นาวัง ในเฟสที่ 5 เป็นการก่อสร้างในพื้นที่เดิม เพื่อรองรับการผลิตสินค้ากลุ่มที่ยังไม่มี แต่ก็ยังอยู่ในกลุ่มที่เป็นสินค้าสำเร็จรูปเช่นกัน โดยปีนี้บริษัทฯได้วางแผนการรับรู้รายได้ให้เติบโตเพิ่มไม่น้อยกว่า 10% จากปี 2566 จาก Backlog งานในมือที่กล่าวมาที่ทยอยรับรู้รายได้แล้ว 200 ล้านบาท และกำลังจะรับรู้รายได้อีก 100 ล้านบาท รวมถึงจะมีการเตรียมออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่เป็นสินค้าสำเร็จรูปแบบพิเศษ ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯศึกษาตลาดพบว่ามีสินค้าสำเร็จรูปหลายตัวที่น่าสนใจและเป็นที่ต้องการของตลาด
“เรามองว่าสินค้าสำเร็จรูปประเภทไหนที่จะสามารถสร้างรายได้แลผลกำไรให้เติบโตสูงขึ้น จึงจำเป็นต้องก่อสร้างโรงงานเฟส 5 ขึ้น เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในกลุ่มนี้ และเพื่อรองรับฐานลูกค้าที่เพิ่มขึ้น โดยเราเตรียมวางแผนขยายตลาดไปยังโซนภาคกลาง ภาคตะวันตก รวมไปถึงภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่างที่เรายังไปไม่ถึง เนื่องจากที่ผ่านมาเราติดเรื่องต้นทุนการขนส่งที่จะฉุดกำไรขั้นต้นลงอย่างมีนัยยะสำคัญ เรายังมีแผนขยายฐานการผลิตไปยังโซนดังกล่าว”
นอกจากนี้บริษัทฯยังมีแผนบริหารต้นทุน ทั้งเรื่องการวัตถุดิบ ลดการใช้น้ำ และไฟให้น้อยที่สุด รวมถึงมีแผนจะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นแผนที่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยเป็นการบริหารจัดการตั้งแต่การคัดเลือกวัตถุดิบ คือปูนซีเมนต์ที่ใช้จะเลือกแบบที่ผลิตและปล่อยของเสียต่ออากาศน้อย ซึ่งบริษัทฯและทางพันธมิตรได้ร่วมมือกันเพื่อการผลิตสินค้าที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด
ด้าน อมลวรรณ ชัยตระกูลทอง ผู้อำนวยการฝ่ายบัญชีและการเงิน บริษัท เอสทีซี คอนกรีตโปรดัคท์ จำกัด (มหาชน) หรือ STC เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ผลประกอบการในปีที่ผ่านมา บริษัทฯมีรายได้จากการและการบริการเป็นจำนวน 432.69 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.44 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 3.45 เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากบริษัทฯมีรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นเป็น 71.7% ซึ่งเป็นผลมาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจากโซนเมืองพัทยา ทั้งโครงการอสังหาฯ และคอนโดต่างๆ จากนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศที่กลับเข้ามาลงทุน ส่งผลให้บริษัทฯมีรายได้ในกลุ่มผลิตภัณฑ์คอนกรึตผสมเสร็จเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลิตภัณฑ์คอนกรีตสำเร็จรูปบางตัวมีสัดส่วนรายได้ที่ลดลงมากจากการที่บริษัทฯได้ปิดไลน์การผลิตเพื่อปรับปรุงเครื่องจักรในบางตัว ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะสามารถส่งผลให้ภาคการผลิตสูงขึ้น
STC มีรายได้จากผลิตภัณฑ์คอนกรีตผสมเสร็จเพิ่มขึ้นเป็น 71.7%
บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาแผนจะเข้ารับงานภาครัฐโดยตรง จากเดิมบริษัทจำหน่ายสินค้าให้กับภาครัฐเพียง 2-3% เท่านั้น ส่วนการจำหน่ายให้คู่ค้า ซึ่งเป็นผู้รับเหมา และคู่ค้าจำหน่ายให้กับภาครัฐ คิดเป็นสัดส่วน 50-60% บริษัทเล็งเห็นช่องทางการเติบโตในการจำหน่ายสินค้าดังกล่าว ปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาวิธีการเจาะกลุ่มภาครัฐ หากทำได้ตามแผน คาดจะช่วยผลักดันยอดขาย กำไรให้บริษัทเติบโตเพิ่มขึ้นจากการจำหน่ายสินค้าในกลุ่มลูกค้าเดิม โดยบริษัทฯพยายามรักษากำไรขั้นต้นให้อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปีก่อนคือที่ 28-27% แม้จะมีปัจจัยเสี่ยงเรื่องต้นทุนวัตถุดิบและค่าขนส่งที่สูงขึ้น
“ธุรกิจอสังหาในปี 2566 นี้มีการขยายตัวมากขึ้น และจะหนุนให้ผลิตภัณฑ์คอนกรีตขายดี จริงๆ เราเห็นทิศทางการฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว โดยโครงการอสังหาเริ่มฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับผลประกอบการของ STC ที่กลับมาเป็นบวกอีกด้วยบริษัทคาดปี 2566 จะเป็นปีของการเทิร์นอะราวด์ หลังภาวะเศรษฐกิจฟื้นตัว ประกอบกับพื้นที่ในเขตชลบุรีพัฒนาโครงการใหม่เพิ่มขึ้น รวมถึงระบบสาธารณูปโภคของเมืองที่มีการขยายและพัฒนาพัฒนาตามไปด้วยในเขตพื้นที่ EEC ซึ่งจะส่งผลในทิศทางบวกกับเราอย่างแน่นอน” นายเอกชัย กล่าวทิ้งท้าย