IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายเจษฎา ชั้นเชิงกิจ กรรมการและผู้จัดการฝ่ายการตลาดขายปลีก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในปี 2564 ที่ผ่านมามีกำไรกว่า 4.44 พันล้านบาท จากรายได้การขาย 172.88 ล้านบาทจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายและปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ โดยกลุ่มธุรกิจหลักของเอสโซ่ในไทยมี 3 กลุ่มหลักคือ กลุ่มโรงกลั่น กลุ่มค้าปลีกและกลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งทิศทางของเศรษฐกิจในปีนี้ บริษัทฯจะมุ่งเน้นขยายการลงทุนของกลุ่มค้าปลีก โดยมีแผนการขยายสถานีบริการน้ำมันเพิ่ม จากช่วงที่ผ่านมาเอสโซ่เคยมีปั้มน้ำมันมากถึง 1,000 ปั๊มแต่จากการแข่งขันที่รุนแรงทำให้ต้อทยอยปิดสาขาที่ไม่คุ้มทุน และในปัจจุบันบริษัทมีปั๊มประมาณ 540 ปั๊มและจากการขยายตัวของชุมชนที่มากขึ้น จึงได้ศึกษาหลายทำเลที่เหมาะสมเพื่อลงทุนในปั๊มน้ำมันกว่า 10 แห่งทั่วประเทศ อาทิ ปทุมธานี สมุทรปราการ เชียงราย ฯลฯ รวมถึงเตรียมเดินหน้าขยายศูนย์ถ่ายน้ำมันเครื่อง โมบิลวันเซ็นเตอร์ ทั้งแบบนอกปั๊มและแบบในปั๊ม โดยปั๊มเอสโซ่เดิมสามารถเปิดศูนย์ถ่ายน้ำมันเครื่องได้กว่า 300 แห่ง ทั่วประเทศ
โดยบริษัท พร้อมเดินหน้าการลงทุนตามเป้าหมายด้วยงบประมาณ 1,200-1,500 ล้านบาท ซึ่งได้ดำเนินงานไปตั้งแต่ปี 2564 สำหรับลงทุนในธุรกิจค้าปลีก การขยายสถานีบริการน้ำมัน การซ่อมบำรุงรักษาอุปกรณ์โรงกลั่น และการปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันรองรับมาตรฐาน ยูโร 5
ซึ่งในปัจจุบันก็ได้ทยอยเริ่มดำเนินการปรับปรุงไปเรื่อยๆ เพื่อให้เสร็จทันตามเป้าหมายที่ภาครัฐประกาศให้ทุกโรงกลั่นน้ำมัน ต้องผลิตน้ำมันตามมาตรฐาน ยูโร 5 ในวันที่ 1 มกราคม 2567 รวมถึงได้ปรับปรุงสถานีบริการสู่รูปลักษณ์ใหม่และทันสมัยมากขึ้นในหลายแห่งทั่วประเทศ ซึ่งช่วยให้ภาพรวมของยอดขายเราดีขึ้น และเพิ่มยอดขายเฉลี่ยที่สถานีบริการในเวลาเดียวกันอีกด้วย และเพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ที่จะนำประสบการณ์ที่เหนือกว่าให้แก่ลูกค้า
Esso มุ่งปรับปรุงห้องน้ำทุกสถานีบริการทั่วประเทศ เพื่อความปลอดภัยด้านสุขอนามัย ตามนโยบายที่มุ่งเน้นการจัดการความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
สำหรับการให้บริการได้ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกในการบริหารจัดการให้เกิดความปลอดภัยในการปฏิบัติงานจัดการความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ภายในสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ โดยปรับปรุงรูปลักษณ์สถานีบริการใหม่ให้ทันสมัยมากขึ้นทั่วประเทศ ด้วยการปรับปรุงห้องน้ำให้มีความสวยงาม สะอาด โดยมุ่งมั่นพัฒนาด้วยความตั้งใจให้เป็นศูนย์รวมความสุข สร้างความประทับใจทุกเส้นทางประสบการณ์ของลูกค้า ด้วยบริการที่ดี สะดวกรวดเร็ว และปลอดภัยทั้งลูกค้าและพนักงาน รวมถึงการบริการด้วยมาตรการที่เข้มงวด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดกับลูกค้าที่เข้ามาใช้การบริการรวมถึงพนักงานหน้าลาน
“แม้ว่าวิกฤติโควิด-19 ที่ผ่านมา จะทำให้ตลาดน้ำมันโดยรวมตกลงค่อนมาก เราคาดว่าเมื่อประเทศไทยมีการฉีดวัคซีนมากขึ้นอย่างทั่วถึง สภาพเศรษฐกิจและชีวิตที่ดีขึ้นจะทำให้ความต้องการใช้น้ำมันกลับมาสูงอย่างที่เคยเป็น ขณะเดียวกันเราสามารถทำยอดรายได้สูงขึ้นและมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มมากขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา และในปี 2564 ที่ผ่านมาเรามีการเปิดสถานีบริการน้ำมันใหม่เพิ่มขึ้น คาดว่าในปี 2565 เอสโซ่จะมีสถานีบริการน้ำมันถึง 730 แห่ง” นายเจษฎา กล่าว
ทั้งนี้ในการปรับปรุงและขยายสถานีบริการน้ำมัน รวมถึงร้านค้าปลีกต่างๆ บริษัทฯ ได้ใส่ใจในการดำเนินการทั้งการหาทำเลที่เหมาะสม การออกแบบ รวมถึงการคัดเลือกพันธมิตรและผู้รับเหมาในการก่อสร้างระดับมืออาชีพ อาทิ บริษัท เอสจีเอ็ม เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด หนึ่งในผู้รับเหมางานปรับปรุงและก่อสร้าง ซึ่งมีประสบการณ์และทีมงานในการก่อสร้างปั๊มด้วยผลงานคุณภาพอีกด้วย
นอกจากนี้ เอสโซ่ ยังได้เพิ่มกลยุทธการทำงานสู่ความสำเร็จด้วย D3C ซึ่งประกอบด้วย
- D-Digitalization การเตรียมพร้อมรับความเปลี่ยนแปลงของสังคมเข้าสู่ระบบดิจิทัล Esso ได้เริ่มปรับเปลี่ยนเข้าสู่การตลาดยุคดิจิทัลผ่านโปรแกรมเอสโซ่ สไมล์ส ไดรเวอร์ รีวอร์ดส์ โดยออกบัตรสะสมคะแนนเอสโซ่ สไมล์ส ให้กับลูกค้าที่ต้องการจะเข้าร่วมโปรแกรมดังกล่าว ซึ่งบริษัท ฯ ได้ประสบความสำเร็จในฐานะแบรนด์น้ำมันรายแรกที่สร้างแพลตฟอร์มการสะสมคะแนนโดยใช้ แอพลิเคชั่น LINE และปีนี้บัตรสะสมคะแนนเอสโซ่ สไมล์ส ได้ก้าวเข้าสู่ปีที่ 5 เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีจำนวนสมาชิกหลายล้านในปัจจุบันและเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี
- C-Customer Centric บริษัทฯใส่ใจผู้บริโภค ทำกิจกรรมทางการตลาดให้ตรงใจลูกค้ามากขึ้น และรับฟังความเห็นผ่านแอปพลิเคชั่น และช่องทางต่างๆ พร้อมทั้งมีการแข่งขันเพื่อรักษามาตรฐานการบริการระดับเดียวกัน เพื่อสร้างเสริมประสบการณ์ที่ดีและความประทับใจให้ลูกค้า
- C-Commercial opportunity บริษัท ฯ ได้ปรับปรุงโมเดลธุรกิจสำหรับลูกค้าบัตรฟลีทการ์ด ซึ่ง Esso มองเห็นโอกาสในการเติบโตยอดขายจากช่องทางนี้อีกมาก
- C-Consistent backcourt สร้างภาพจำร้านค้าพันธมิตร ซึ่งทุกคนทราบว่าบริษัท ฯ ยังมีโอกาสทางธุรกิจในส่วนนี้อีกมาก บริษัทฯ ได้มุ่งเน้นที่จะพัฒนาธุรกิจ non-oil ให้สามารถแข่งขันในตลาดได้ดียิ่งขึ้น ในปีนี้ Esso ได้เพิ่มการสื่อสารถึงภาพลักษณ์ใหม่ของสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่ รวมถึงสร้างพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ เช่น ล่าสุดได้จับมือกับทาง Minor Food เปิดตัวร้านกาแฟ Coffee Journey ในสถานีบริการน้ำมันเอสโซ่รวม 15 สาขาแล้ว และตั้งเป้าจะเพิ่มให้ได้อย่างน้อย 60 สาขา ในปี 2565 นี้
การดำเนินของบริษัทฯ ภายใต้แบรนด์ “เอสโซ่” “โมบิล” และ “เอ็กซอนโมบิล” ได้มุ่งมั่นจัดหาพลังงานและผลิตภัณฑ์น้ำมันที่มีคุณภาพอย่างปลอดภัยและมั่นคง เพื่อช่วยพัฒนาคุณภาพชีวิตให้แก่คนไทยมาโดยตลอด แม้ในยามวิกฤตโควิด-19 และการใช้ชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) เอสโซ่ (ประเทศไทย) ได้ปรับตัวทันต่อสถานการณ์และยังคงขับเคลื่อนไปข้างหน้าด้วยวิสัยทัศน์ ‘เติมเต็มพลังชีวิต ด้วยประสบการณ์พลังงานที่เหนือกว่า’ (Power Life with Premier Energy Experience) นำพาผ่านภารกิจ 3 ด้าน Our Growth พัฒนาศักยภาพบุคลากรสู่ระดับสากล เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตในอนาคต Our Win ต่อยอดความชำนาญเฉพาะด้านที่ครอบคลุมและหลากหลาย ร่วมคิดค้นผลิตภัณฑ์และบริการที่โดดเด่น Our Pride สร้างความเข้าใจและประทับใจในแบรนด์ของเราให้อยู่ในใจของทุกคน
โดยวิสัยทัศน์นี้เน้นภาพในการเป็นผู้นำด้านคุณภาพผลิตภัณฑ์ (Leader of product quality) เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของเอสโซ่ (ประเทศไทย) และบริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลในประเทศไทย เข้ามาอยู่ด้วยกัน ตั้งแต่โรงกลั่น สถานีบริการน้ำมัน เรื่อยมาจนถึงศูนย์ธุรกิจระดับโลก (Global Business Center) ของบริษัท เอ็กซอนโมบิล จำกัด ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงเทพฯ และให้บริการทางธุรกิจแก่บริษัทในเครือเอ็กซอนโมบิลกว่า 60 ประเทศทั่วโลก
“ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาปรับใช้ในงานบริการ เช่น มีการเพิ่มช่องทางการสั่งซื้อน้ำมันผ่านทางแอปพลิเคชัน LINE @EssoThailand โดยไม่ต้องทำการลดกระจกรถยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงจากการแพร่กระจายของเชื้อไวรัส มีการชำระเงินด้วย QR Code เพื่อลดการสัมผัส และการแจ้งเพียงหมายเลขโทรศัพท์ เพื่อสะสมคะแนนโดยไม่ต้องใช้ตัวบัตรเอสโซ่ สไมล์ส และสำหรับสมาชิกบัตรเอสโซ่ สไมล์ส ที่ผูกกับ LINE @EssoThailand ยังสามารถรับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมายอีกด้วย” นายเจษฎา กล่าวทิ้งท้าย
ทั้งนี้ จากเหตุสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ได้ทำให้ราคาน้ำมันตลาดโลกมีแนวโน้มปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง แม้ว่ากลุ่มโอเปกยังมีมติตามข้อตกลงเดิมคือเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกสู่ตลาดโลก 400,000 บาร์เรลต่อวันตั้งแต่เดือนเม.ย.นี้เป็นต้นไป โดยล่าสุดเมื่อวันที่ 21 มี.ค.นี้ ราคาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบเบรนท์ พุ่งไปแตะระดับ 113 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ขณะที่น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสก็เพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 113 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลเช่นกัน
ทั้งนี้กรณีดังกล่าวทำให้ Esso ได้ทยอยปรับเปลี่ยนการขึ้น-ลงของราคาขายปลีกน้ำมันในประเทศตามสถานการณ์ในแต่ละวัน โดยราคาน้ำมันวันนี้ (21 มีนาคม 2565) เป็นดังนี้ น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 38.75 บาท/ลิตร E20 อยู่ที่ 37.64 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 38.48 บาท/ลิตร B7 อยู่ที่ 30.44 บาท/ลิตร ดีเซลพรีเมี่ยมอยู่ที่ 36.86 บาท/ลิตร ดีเซลอยู่ที่ 30.44 บาท/ลิตร