IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
ปัจจุบันสถานการณ์สงครามรัสเซียบุกยึดยูเครนได้ก้าวเข้าสู่เดือนที่สองแล้ว บรรดาชาติตะวันตกขู่จะเพิ่มมาตราการคว่ำบาตรรัสเซียให้เข้มข้นยิ่งขึ้น ในขณะที่ประธานาธิบดีปูตินของรัสเซียก็ใช้น้ำมันและก๊าซเป็นอาวุธต่อรองทางการเมือง ส่งผลให้อุปทานของแหล่งพลังงานสำคัญทั้งสองยังมีโอกาสเสี่ยงที่จะเผชิญกับภาวะหยุดชะงักหรือขาดแคลนพลังงานได้
ในการประชุมครั้งสำคัญที่จะถึงนี้ กลุ่มเอกอัครราชทูตยุโรปได้เตรียมหารือถึงการคว่ำบาตรรัสเซียที่ต้องยกระดับความรุนแรงขึ้น ซึ่งอาจครอบคลุมถึงการนำเข้าถ่านหิน ภายหลังจากที่นายเอ็มมานูเอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส ได้ประกาศห้ามการนำเข้าน้ำมันและถ่านหินจากรัสเซีย แต่ไม่ใช่ก๊าซ เพื่อตอบโต้การกระทำอันโหดร้ายทารุณของรัสเซียในเมืองบูชา ประเทศยูเครน
จนถึงตอนนี้ ก๊าซธรรมชาติและน้ำมันของรัสเซียยังคงถูกลำเลียงส่งไปยังยุโรป โดยนับตั้งแต่รัสเซียเริ่มต้นบุกรุกยูเครน ประเทศในยุโรปหลายประเทศได้ประกาศแผนการเตรียมลดการพึ่งพาสินค้าโภคภัณฑ์ของรัสเซีย อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ได้ประกาศห้ามการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียอย่างชัดเจน เนื่องจากทางยุโรปยังคงขาดตัวเลือกด้านแหล่งพลังงานอื่นๆ อยู่ในระยะสั้น
และในขณะที่เขียนบทวิเคราะห์นี้ ลิทัวเนียเป็นเพียงประเทศเดียวในสหภาพยุโรปที่ประกาศไม่ใช้ก๊าซของรัสเซียอย่างเด็ดขาด
ในขณะเดียวกัน เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ปูตินกล่าวว่ารัสเซียจะเรียกร้องให้กลุ่มประเทศผู้ซื้อก๊าซในยุโรปจ่ายค่าก๊าซเป็นสกุลเงินรูเบิลของรัสเซีย โดยย้ำว่าการชำระเงินเป็นสกุลเงินยูโรหรือดอลลาร์จะถือว่าเป็นการผิดสัญญาโดยผู้ซื้อ และอาจส่งผลให้สัญญาการซื้อขายถูกระงับ
ขณะที่แผนการจัดหาแหล่งพลังงานของยุโรปยังคงดำเนินต่อไป เราลองมาพิจารณาประเด็นสำคัญต่อไปนี้เพื่อให้เห็นภาพที่ชัดเจนขึ้นว่าอุปทานแหล่งพลังงานของรัสเซียสำคัญต่อตลาดน้ำมันและก๊าซทั่วโลกอย่างไร และการเปลี่ยนแปลงด้านอุปทานพลังงานนี้ อาจส่งผลกระทบอย่างไรบ้าง
การผลิตน้ำมันของรัสเซียมีความสำคัญต่ออุปทานทั่วโลกอย่างไร
ในปี 2564 น้ำมันของรัสเซียคิดเป็น 12.4% ของปริมาณน้ำมันทั้งหมดทั่วโลก ซึ่งมากกว่าซาอุดิอาระเบียและเทียบเท่ากับสหรัฐอเมริกา โดยรัสเซียผลิตน้ำมันได้ประมาณ 11.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเกือบ 4.3 ล้านบาร์เรลของปริมาณการผลิตดังกล่าวถูกส่งออกไปยังยุโรปและสหรัฐอเมริกา
โลกจะสูญเสียน้ำมันจากรัสเซียมากน้อยแค่ไหน
มัลคอล์ม เมลวิลล์ ผู้จัดการกองทุนพลังงานของ Schroders กล่าวว่า “ตัวเลขคาดการณ์ของแต่ละตลาดอาจแตกต่างกันออกไป แต่คาดว่าโลกจะสูญเสียปริมาณน้ำมันมากถึง 4.5 ล้านบาร์เรลต่อวันหรือประมาณ 4% ของอุปทานน้ำมันทั้งหมดทั่วโลก ในระหว่างที่รัสเซียยังคงบุกยึดยูเครนอยู่ในขณะนี้
“ก่อนที่รัสเซียจะเข้าบุกยึดยูเครน ตลาดคาดการณ์ว่ากำลังการผลิตน้ำมันของรัสเซียจะเพิ่มขึ้นเพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนน้ำมันทั่วโลกอันเนื่องมาจากสถานการณ์โควิด-19 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ตลาดคาดว่ารัสเซียจะลดกำลังการผลิตลงซึ่งจะทำให้เกิดภาวะการขาดแคลนน้ำมันอย่างรุนแรง”
การขาดแคลนดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันอย่างไร
มัลคอล์ม กล่าวว่า “หากรัสเซียเริ่มลดกำลังการผลิตน้ำมันต่อพื้นที่ต่างๆ ทั่วโลก ผลกระทบอาจรุนแรงและส่งผลอย่างถาวร เพราะตอนนี้โลกกำลังเผชิญปัญหาการขาดแคลนน้ำมันประมาณ 2.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งจะเปิดโอกาสให้สหรัฐฯ สามารถเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันได้ โดยล่าสุดการผลิตน้ำมันของสหรัฐฯ เพิ่งถูกขัดขวางจากหลายปัจจัย ได้แก่ มาตรการควบคุมเงินทุนเคลื่อนย้าย (Capital Controls) ปัญหาการดำเนินธุรกิจที่ต้องคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (Environmental, Social, Governance : ESG) และปัญหาด้านกำลังการผลิต
“นอกจากนี้ ยังมีความหวังว่ามาตรการคว่ำบาตรอิหร่านบางส่วนจะถูกยกเลิก และอิหร่านอาจสามารถผลิตน้ำมันได้เพิ่มอีก 1 ล้านบาร์เรลต่อวัน อย่างไรก็ตาม เราจะยังคงขาดแคลนน้ำมันเป็นจำนวนทั้งหมด 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยสถานการณ์การขาดแคลนน้ำมันนี้ ประกอบกับปัญหามูลค่าสินค้าคงคลังที่ต่ำลงจนทุบสถิติ อาจหนุนให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้นจนแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ได้”
อุปทานก๊าซของรัสเซียมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน
อุปทานก๊าซของรัสเซียมีความสำคัญอย่างมากที่สุดต่อประเทศในยุโรป โดยก๊าซของรัสเซียคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% ของปริมาณการนำเข้าก๊าซทั้งหมดของยุโรป ระดับปริมาณก๊าซที่ถูกจัดเก็บไว้ในยุโรปมีจำนวนคงเหลือน้อยลงแล้ว ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ปริมาตรความจุเต็มที่ 25% เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยตามฤดูกาลที่ 38% ดังนั้นจึงถือว่าเหลือให้ใช้น้อยมาก และคณะกรรมาธิการยุโรปยังประกาศยืนยันแล้วด้วยว่าปริมาณก๊าซที่จัดเก็บจะต้องเต็ม 80% ภายในฤดูหนาวหน้า
มัลคอล์ม กล่าวเสริมอีกว่า “หากก๊าซกลายเป็นเครื่องมือทางการเมืองในภาวะสงคราม ก็นับเป็นเรื่องยากที่จะหาอะไรมาทดแทนการนำเข้าก๊าซจากรัสเซียได้ ยุโรปกำลังพยายามกระจายอุปทานและค้นหาแหล่งผลิตก๊าซอื่นๆ โดยตั้งความหวังไว้ที่สหรัฐฯ เป็นหลัก อย่างไรก็ตาม มันต้องใช้เวลาและกำลังการผลิตก๊าซของสหรัฐฯ ช่วยได้น้อยมากเมื่อเทียบกับปริมาณก๊าซที่รัสเซียจัดหาให้ โดยปัญหาความกังวลที่เกี่ยวข้องกับอุปทานก๊าซส่งผลให้ราคาก๊าซในยุโรปปรับเพิ่มขึ้นเป็น 120 ยูโรต่อเมกะวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งพุ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวถึง 6 เท่า”
หากในกรณีที่รัสเซียตัดสินใจปิดก๊อกไม่ส่งก๊าซและน้ำมัน คณะกรรมาธิการยุโรปอาจหาวิธีการลดอุปสงค์หรือความต้องการพลังงานทั้ง 2 ชนิดให้น้อยลง ทำให้กลุ่มอุตสาหกรรมที่ไม่ใช่อุตสาหกรรมหลักอาจปิดตัวลง ท่ามกลางสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นนี้ เยอรมนีและออสเตรียได้เริ่มจัดทำแผนฉุกเฉินเพื่อแบ่งสรรปันส่วนการจ่ายก๊าซในกรณีที่เกิดการขาดแคลนแบบฉับพลันแล้ว
ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ที่มีอยู่ตอนนี้ี้ หากรัสเซียตัดสินใจหยุดจ่ายก๊าซ ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าปริมาณก๊าซที่ยุโรปจัดเก็บไว้อาจหมดลงภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งเดือน
บทความโดย : วาเลนตินา โรมีโอ นักเขียนด้านการลงทุน
###
ข้อมูลสำคัญ
บทความชิ้นนี้จัดทำโดย Schroders เพื่อเป็นข้อมูลและเผยแพร่ทั่วไปเท่านั้น และความคิดเห็นที่แสดงในนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้โดยไม่ต้องแจ้งให้ทราบล่วงหน้า บทความนี้ไม่ถือเป็นการเสนอหรือชักชวนให้ตัดสินใจซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนของ Schroders (“กองทุน”) และไม่ได้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์การลงทุนที่เฉพาะเจาะจง สถานการณ์ทางการเงิน หรือความต้องการเฉพาะของบุคคลใดๆ ที่อาจได้อ่านบทความชิ้นนี้ ผู้ลงทุนอาจต้องการขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงินก่อนที่จะซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนใดๆ ในกรณีที่ผู้ลงทุนเลือกที่จะไม่ขอคำแนะนำจากที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้ลงทุนควรพิจารณาว่ากองทุนดังกล่าวเหมาะสมกับตนหรือไม่ ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนหรือผู้จัดการกองทุน และแนวโน้มหรือการคาดการณ์ทางเศรษฐกิจและตลาดใดๆ ไม่จำเป็นจะต้องเป็นเครื่องบ่งชี้ถึงผลการดำเนินงานในอนาคตหรือที่เป็นไปได้ของกองทุนหรือผู้จัดการกองทุน มูลค่าของหน่วยลงทุนในกองทุนและรายได้ที่เกิดขึ้นแก่หน่วยลงทุน (ถ้ามี) จากกองทุน อาจลดลงและเพิ่มขึ้นได้ ผู้ลงทุนควรอ่านหนังสือชี้ชวนจาก Schroder Investment Management (Singapore) Ltd หรือบริษัทหลักทรัพย์ผู้แทนจำหน่าย ก่อนตัดสินใจจองซื้อหรือซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนใดๆ กองทุนอาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมการขายสูงถึง 5%
Schroder Investment Management (Singapore) Limited
ที่อยู่ 138 Market Street #23-01 CapitaGreen สิงคโปร์ 048946
หมายเลขทะเบียนบริษัท 199201080H
โทรศัพท์ +65 6800 7000 แฟกซ์ +65 6536 6626
เกี่ยวกับ Schroders
Schroders ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปีพ.ศ.2347 โดยเป็นหนึ่งในบริษัทชั้นนำด้านการบริหารจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรปตามมูลค่าสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ ปัจจุบัน Schroders มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ 716.9 พันล้านปอนด์ (ณ วันที่ 30 กันยายน 2564) คณะผู้บริหารผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักของบริษัท โดยถือหุ้นสัดส่วนประมาณ 48% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงของบริษัท Schroders ยังคงมีผลประกอบการบริษัทที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องด้วยมูลค่าทางการตลาดกว่า 9 พันล้านปอนด์ และมีพนักงานที่มีความสามารถมากกว่า 5,500 คนในสำนักงาน 37 แห่ง Schroders ได้รับประโยชน์จากรูปแบบธุรกิจที่หลากหลายของบริษัทผู้จัดการสินทรัพย์ของสหราชอาณาจักร โดยแยกตามภูมิศาสตร์ ประเภทสินทรัพย์ และประเภทลูกค้า
Schroders นำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์และโซลูชันครอบคลุมโซลูชันธุรกิจ 5 กลุ่ม ได้แก่ สถาบัน กองทุนรวม สินทรัพย์ส่วนบุคคลและสินทรัพย์ทางเลือก และการบริหารความมั่งคั่ง ดูแลหลากหลายกลุ่มลูกค้าได้แก่ บริษัทประกันภัย กองทุนรวม กองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ เงินกองทุนสงเคราะห์ และมูลนิธิ Schroders ยังทำหน้าที่ดูแลจัดการสินทรัพย์สำหรับลูกค้ารายบุคคลซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือของบริษัทกับผู้จัดจำหน่าย ที่ปรึกษาทางการเงิน และแพลตฟอร์มการเงินออนไลน์ บริการข้อเสนอการบริหารความมั่งคั่งของ Schroders สะท้อนถึงเป้าหมายกลยุทธ์ของบริษัทในการให้บริการการบริหารความมั่งคั่งและการวางแผนทางการเงินแก่ลูกค้าครอบคลุมหลากหลายกลุ่มความมั่งคั่งของบุคคล
เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ของ Schroders คือการขยายธุรกิจการบริหารจัดการสินทรัพย์ ตลอดจนสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลูกค้ารายบุคคลมากยิ่งขึ้น และขยายกลุมธุรกิจสินทรัพย์ส่วนบุคคลและธุรกิจทางเลือก Schroders มุ่งมั่นที่จะส่งมอบบริการการลงทุนที่มีประสิทธิภาพชั้นยอดให้แก่ลูกค้าผ่านการบริหารจัดการเชิงรุก รวมถึงช่องทางธุรกิจในการลงทุนสู่ธุรกิจที่มีความยั่งยืนและมั่นคง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์เชิงบวกแก่โลกของเรา ปรัชญาการดำเนินธุรกิจของ Schroders ตั้งอยู่บนความเชื่อสำคัญที่ว่า เราส่งมอบผลิตภัณฑ์และโซลูชันที่ดีโดยคำนึงถึงลูกค้า ผู้ถือหุ้น และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียต่าง ๆ อย่างเทียบเท่ากัน
เผยแพร่โดย Schroder Investment Management Limited จดทะเบียนบริษัทในอังกฤษ หมายเลข 1893220 และได้รับอนุญาตและกำกับดูแลโดย Financial Conduct Authority หากต้องการรับข่าวสารทางอีเมลเป็นประจำ กรุณาลงทะเบียนบริการแจ้งเตือนที่ www.schroders.com