IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
- ประเทศไทยจะเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กเพื่อการส่งออก
- ครั้งแรกในประเทศไทย ฟอม์ม พร้อมลุยตลาดยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับในเมือง
มร.ฮิเดโอะ ซูรุมากิ ประธานเจ้าหน้าบริหาร บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด เปิดเผยว่า
บริษัทฯได้เลือก ประเทศไทย ในการตั้งโรงงาน เพื่อเป็นฐานการผลิตยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับตลาดในประเทศและเพื่อการส่งออก ทั้งนี้เพราะประเทศไทยถือเป็นประเทศที่มีความพร้อม ในอุตสาหกรรมรถยนต์
มีการสนับสนุนภาคการผลิตรถยนต์มาอย่างยาวนาน ประกอบกับรัฐบาลไทยมีนโยบายชัดเจนในการ ส่งเสริมและสนับสนุนให้ประเทศไทยมีโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ภายใต้แผนการลงทุนของบริษัทฯ มร. ซูรุมากิ กล่าวว่ามูลค่าการลงทุนในโรงงาน ผลิตยานยนต์ไฟฟ้าครั้งนี้ประมาณหนึ่งพันล้านบาท โดยโรงงานตั้งอยู่ในนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ ชลบุรี โดยมีกำลังการผลิตประมาณ 10,000 คันต่อปี โดยคาดว่ารถคันแรกที่ออกจากสายพานการผลิต จะสามารถส่งมอบให้แก่ลูกค้าได้ในประมาณต้นปีหน้า
"ความจริงแล้ว เราได้ปรับเปลี่ยนแนวคิดการผลิตรถยนต์ไปจากเดิมมาก เพราะในอดีต ธุรกิจการผลิตรถยนต์จะเริ่มต้นที่ประเทศญี่ปุ่น จากนั้นจึงจะขยายไปยังประเทศอื่น แต่เพราะความเชื่อมั่นในนโยบายของรัฐบาล ที่ให้การส่งเสริมการลงทุนการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ในประเทศไทย ผสมกับความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมต่อเนื่อง ในภาคการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ ของประเทศไทย ซึ่งมีความแข็งแกร่งมาเป็นเวลายาวนาน เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศอื่น ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้เราตัดสินใจที่จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ซึ่งถือเป็นการตอกย้ำภาพลักษณ์ของประเทศไทยว่าเป็นดีทรอยท์แห่งเอเชีย" มร. ซูรุมากิ กล่าว
บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ได้เริ่มเปิดดำเนินธุรกิจในประเทศไทย เมื่อประมาณ 3 ปีที่ผ่านมา เพื่อทำการสำรวจ และศึกษาแผนการผลิตยานยนต์นั่งไฟฟ้าขนาดเล็กในประเทศไทย และได้เริ่มการดำเนินการตั้งสายการผลิตจริงขึ้นในประมาณต้นปี พ.ศ. 2561 ที่ผ่านมา และได้เปิดให้จองจากผู้ที่สนใจในเทคโนโลยี่ยานยนต์ไฟฟ้า โดยขณะนี้มียอดจองแล้ว 355 คัน
บริษัท เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) จำกัด ก่อตั้งโดยบริษัท ฟอม์ม คอร์ปอเรชั่น แห่งประเทศไทยญี่ปุ่นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2559 ด้วยทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาท โดยขณะนี้ได้ลงทุนไปแล้วประมาณ 1,000 ล้านบาทในโรงงานผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งการลงทุนจะยังคงดำเนินการต่อเนื่องอีก 200 ล้านบาทในส่วนของเครือข่ายการขายและบริการ
"เราเตรียมจัดให้มีการทดลองขับยานยนต์ไฟฟ้าของเราให้แก่ลูกค้าที่ได้จองรถกับเราไว้ ซึ่งการทดลองขับนี้กำหนดขึ้นระหว่างวันที่ 2 – 4 พฤศจิกายน นี้ที่กรุงเทพฯ ถือว่าเป็นอีเวนท์แรกของบริษัท และเป็นครั้งแรกในประเทศไทย ที่จะมีการทดลองขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กในลักษณะนี้ เป็นการเปิดให้ลูกค้าและบุคคลที่สนใจ จะได้มีประสพการณ์จริง ในการทดลองขับยานยนต์ ไฟฟ้าสำหรับในเมือง และยังถือเป็นการสร้างความมั่นใจในคุณภาพของตัวรถ ก่อนที่จะมีการส่งมอบรถจริงอย่างเป็นทางการ" นายธนานันต์ กาญจนคูหา ผู้จัดการทั่ว่ไป กล่าว
ยานยนต์ไฟฟ้า FOMM One ถือเป็นรถรุ่นแรกที่ออกแบบโดยทีมงานวิศวกรญี่ปุ่นและผลิตในประเทศไทย โดยเป็นยานยนต์นั่งส่วนบุคคลไฟฟ้า 4 ที่นั่งที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก โดยจะจำหน่ายในราคา 664,000 บาท โดยมีบริษัท พีอีเอ เอ็นคอม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของการไฟฟ้าภูมิภาค เป็นตัวแทนจำหน่ายรายแรกของบริษัท
"เรากำลังเจรจากับหน่วยงานหลายแห่งที่จะให้นำ EV ของเราไปใช้ในกิจการต่าง ๆ ที่เป็นการสนับสนุนภารกิจของหน่วยงาน ซึ่งหน่วยงานหลายแห่งให้ความสนใจ เพราะEVของเราถือเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาภาวะโลกร้อน" นายธนานันต์ กล่าว
FOMM One EV มีขนาด 2,585x1,295x1,560 mm. ด้วยน้ำหนักตัวรถเพียง 445 กก. (ไม่รวมแบตเตอรี่) ติดตั้งมอเตอร์แบบ In-Wheel ขนาด 5kWx2 แต่มีแรงบิดถึง 560 Nm.
"สเป็ครถคันนี้เหมาะสำหรับการใช้ในเมืองอย่างมาก เพราะการชาร์จประจุไฟฟ้าจาก 0-100 จนเต็มหนึ่งรอบ ประมาณ 6 ชั่วโมงนั้น จะสามารถวิ่งได้ระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร ซึ่งเพียงพอต่อใช้รถหนึ่งวัน และที่สำคัญ หากคำนวนค่าใช้จ่ายต่อกิโลเมตรแล้ว ถือว่าน้อยมากเพียง 30 สตางค์ต่อกิโลเมตร" นายธนานันต์ กล่าว
นายธนานันต์ กล่าวว่าบริษัทฯ จะนำเสนอ FOMM One ในงานแสดงสินค้าหลัก ๆ ที่เกี่ยวกับรถ โดยเน้นการกระจายไปยังจังหวัดหลัก ๆ เพื่อให้ผู้สนใจมีโอกาสได้สัมผัสกับ ยานยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กที่สุดในโลกที่ผลิตในประเทศไทย ก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ
ขณะนี้ เอฟโอเอ็มเอ็ม (เอเชีย) ได้กำหนดแผนการจัดตั้งเครือข่ายการขายและบริการเพิ่มเติมขึ้นทั่วประเทศ โดยในเฟสแรกจะมีจุดจำหน่ายและทดลองขับในกรุงเทพ และจะทยอยเปิดตามเมืองหลักๆต่อไปในอนาคต