IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
ด้วยเหตุ RCEP เป็นความตกลงในลักษณะ comprehensive agreement หมายถึงเจรจาพร้อมกันหมดทั้งสินค้า บริการ และการลงทุน ถือเป็น “การเปิดเสรีทั้งกว้างและลึก” ครอบคลุมทั้ง 16 ประเทศ ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะระดับความสัมพันธ์ในการเปิดเสรีของบรรดาสมาชิกแต่ละประเทศมีความแตกต่างกัน เช่น อาเซียน มีการเจรจาแบบ ASEAN+1 กับทั้ง 6 ประเทศ แต่ระหว่างคู่ 6 ประเทศนั้นไม่เคยทำเอฟทีเอกันมาก่อน
อย่างไรก็ตาม หาก 16 ประเทศ “ยอมลดระดับมาตรฐาน” เพียงเพื่อให้การเจรจา RCEP บรรลุเป้าหมายตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด อาจทำให้ความตกลง RCEP ไม่ได้ประโยชน์ ดูด้อยกว่าความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) จึงทำให้สมาชิก 16 ประเทศอยู่ในภาวะกระอักกระอ่วนว่าจะผลักดันให้ RCEP จบ หรือจะให้ RCEP เป็นความตกลงที่มีมาตรฐานสูง
นางอภิรดี ตันตราภรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เป้าหมายของผู้นำอาเซียนยังคงต้องการเดินหน้าผลักดันให้ RCEP เกิดขึ้น เบื้องต้นเป้าหมายต้องการลดภาษี 0% ในสินค้า 92% ของรายการสินค้าที่ค้าขายระหว่างกันภายใน 15 ปี แต่ปัจจุบันประเทศคู่เจรจายังไม่สามารถปรับลดภาษีในสินค้า 92% ได้ ปรับลดได้เพียง 90% เท่านั้น เนื่องจากยังมีประเทศคู่เจรจาที่ไม่มีข้อตกลงเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) ร่วมกัน เช่น ญี่ปุ่น จีน อินเดีย เป็นต้น
ส่วนตัว เชื่อว่าจะเห็นความชัดเจนของกรอบเจรจาดังกล่าวได้อย่างแน่นอน ในการประชุม ASEAN Summit โดยสมาชิกจะพยายามหาข้อยุติร่วมกันเรื่องการลดภาษีสินค้าก่อน ส่วนการค้าบริการอาจต้องหารือกันให้ชัดเจนอีกครั้ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงพลังงาน โดย พลเอกอนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ลงพื้นที่ดูความคืบหน้าของสถานประกอบการต่างๆ ถือได้ว่ามีความคืบหน้าในการเดินหน้าโครงการด้านการอนุรักษ์พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ในกลุ่มผลิตภัณฑ์พลาสติกและโฟมสำหรับบรรจุอาหาร โดยบริษัท พี.พี. แพคเกจจิ้ง จำกัด จ.นครปฐม ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว สามารถประหยัดพลังงานไฟฟ้าได้เท่ากับ 464,000 กิโลวัตต์ชั่วโมงต่อปี (KWh) หรือเทียบเท่า 0.04 พันตันน้ำมันดิบ เทียบเท่าต่อปี (ktoe)คิดเป็นเงินที่ประหยัดได้ 1.78 ล้านบาทต่อปี และยังสามารถช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ได้ 0.0003 กิโลกรัมคาร์บอนไดออกไซด์ต่อปี
นายอรินทร์ จิรา รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ในฐานะประธานสภาที่ปรึกษาธุรกิจอาเซียน ประเทศไทย กล่าวว่า เอกชนมองว่าการเจรจา RCEP มีความสำคัญ แต่ยังติดขัดในส่วนของบางประเทศที่ยังไม่ได้ข้อสรุป ซึ่งสมาชิกพยายามจะผลักดันให้การเจรจานี้บรรลุเป้าหมายให้ได้ในปี 2561 แต่ไม่ได้มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจมากนัก เพราะได้มีการประเมินสถานการณ์ไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ