IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายเคนจิ อันโดะ ประธานและประธานกรรมการบริหาร บริษัท มิตซูบิชิ ฮิตาชิ พาวเวอร์ ซิสเต็มส์ จำกัด หรือ MHPS ผู้ผลิตเครื่องจักรและชิ้นส่วนประกอบสำหรับโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อน เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ประเทศไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของบริษัทดังนั้น การที่รัฐบาลไทยมีนโยบายยกระดับการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) นับเป็นหนึ่งในการต่อยอดโอกาสทางธุรกิจของบริษัทและอุตสาหกรรมเกี่ยวเนื่อง ในอนาคต โดยเฉพาะด้านสาธารณูปโภคด้านพลังงานจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากอนาคตอาจจะมีการตั้งฐานการผลิต การตั้งโรงงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และเกิดการเปลี่ยนแปลงไปสู่การสร้างโรงไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ เพราะโรงไฟฟ้าแบบเดิม เครื่องจักรเก่าทำให้ต้นทุนการผลิตสูง ซึ่งบริษัทจะทำหน้าที่พัฒนานวัตกรรมแทนที่เครื่องจักรเดิม
ล่าสุด บริษัทได้มีการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ในการผลิตพลังงานสะอาด และได้นำเสนอแผนให้กับทางรัฐบาลไทยแล้ว
บริษัทได้มีการปรับปรุงเทคโนโลยีการเผาไหม้และแรงดันขั้นสูงที่อุณหภูมิ จาก 1,200 องศา ให้ถึง 1,700 องศา เพื่อตั้งเป้าลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้ถึง 100% รวมถึงโนว์ฮาวการอนุรักษ์พลังงานสะอาดที่สามารถอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมได้อย่าง เต็มที่ แต่รัฐบาลต้องลงทุนสูง ประชาชนอาจต้องจ่ายค่าไฟมากขึ้น 2-3 เท่าประชาชนจะเห็นด้วยหรือไม่ ขณะนี้รัฐบาลไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาแผนดังกล่าวอยู่
เทคโนโลยีดังกล่าวนับเป็นเป้าหมายของบริษัทและรัฐบาลญี่ปุ่น เนื่องจากทั่วโลกเริ่มหันมาคำนึงถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมในทุกภาคอุตสาหกรรม หากมองแผนพัฒนาด้านพลังงานของไทยในอนาคต 70% ของการสร้างโรงไฟฟ้ายังต้องใช้เชื้อเพลิงจากก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน ขณะที่กำลังการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม) พลังงานลมยังถือว่าไม่มาก ดังนั้นจะทำอย่างไรให้พลังงานเหล่านี้เดินไปควบคู่กับสิ่งแวดล้อม ทางบริษัทจึงมองว่าจำเป็นต้องใช้เทคโนโลยีใหม่เข้ามาช่วย
นายเคนจิ กล่าวต่อไปว่า ไทยมีแนวโน้มจะใช้เชื้อเพลิงจากพลังงานถ่านหินน้อยลงมากกว่าประเทศอื่นซึ่ง พลังงานถ่านหินในไทยเทียบเท่าร้อยละ 20 ของพลังงานทั้งหมด เมื่อเทียบกับอินโดนีเซียร้อยละ 40 เท่ากับว่าต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้าน เพราะไทยให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อมมากกว่าประเทศอื่น แต่การที่รัฐจะพึ่งเชื้อเพลิงจากแหล่งพลังงานเดียวนั้นไม่สามารถทำได้และอาจ เป็นความเสี่ยง จึงคิดว่าต้องพึ่งพาเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ เพื่อรักษาสมดุลและความยั่งยืนในอนาคต
สำหรับรายได้ของบริษัท MHPS ในปี 2559 มียอดขายสุทธิทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านเยน และอัตราการเติบโตของบริษัทปี 2560 คาดว่าจะมาจากปัจจัยปริมาณการสั่งซื้อใหม่สำหรับโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติและ ถ่านหิน (ทั้งโครงการใหม่และธุรกิจบริการต่าง ๆ) ประเทศไทยถือเป็น หนึ่งในประเทศที่สำคัญในการดำเนินธุรกิจของ MHPS เห็นได้จากจำนวนชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ได้ผลิตและจัดส่งให้ในช่วงหลายปีที่ผ่าน มา แบ่งเป็นกังหันก๊าซ 43 ยูนิต, กังหันไอน้ำ 34 ยูนิต, หม้อไอน้ำ 49 ยูนิต (Gas Turbines 43 units, Steam Turbines 34 units, Boilers 49 units)
มีรายงานข่าวเข้ามาว่า บริษัท มิตซูบิชิและบริษัทฮิตาชิซึ่งเป็นบริษัทแม่ของ MHPS ได้วางแผนขยายฐานผลิตการลงทุนในพื้นที่ EEC ซึ่งมีทั้งการขยายโรงงานเดิมและแผนร่วมลงทุนสร้างเส้นทางรถไฟสาย ระยอง-กรุงเทพฯ อีกด้วย
ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ