นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA เปิดเผยว่า TTA ได้เสนอขายหุ้นกู้ครั้งที่ 1/2564 ภายใต้โครงการตราสารหนี้แก่ผู้ลงทุน มูลค่าที่เสนอขายไม่เกิน 1,200 ล้านบาท โดยมีมูลค่าของหุ้นกู้สำรองเพื่อเสนอขายเพิ่มเติมอีก 300 ล้านบาท เพื่อใช้เงินทุนหมุนเวียนในกิจการชำระคืนหุ้นกู้ดังกล่าวไปก่อน และเพื่อขยายธุรกิจ ซื้อเรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองเพื่อขยายกองเรือ ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการของบริษัทฯ ทั้งนี้ TTA ไม่เคยมีประวัติการผิดชำระหนี้หุ้นกู้ หรือผิดเงื่อนใขในการปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิหุ้นกู้ จึงได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับ BBB แนวโน้ม Negative Grade จากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ขณะที่ด้านธรรมาภิบาล TTA เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีการกำกับดูแล (CG score) อยู่ใน เกณฑ์ดีเลิศ หรือระดับ 5 ดาว เป็นการยืนยันอันดับเครดิตของบริษัทฯที่ได้รับการสนับสนุนจากฐานะการเงินอันแข็งแกร่ง ด้วยสินทรัพย์สภาพคล่องสูง

บริษัทฯ คาดว่า หุ้น TTA พร้อมจะ Turnaround พลิกเป็นกำไรในปี 2564 เป็นต้นไป จากธุรกิจเรือเทกองและธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง ซึ่งเป็น 2 ใน 3 ของธุรกิจหลักบริษัทฯ โดยในธุรกิจเรือเทกองมีแนวโน้มแข็งแกร่งจากปริมาณกองเรือทั่วโลกในช่วง 2 ปีนี้ คาดว่าจะเติบโต 1-2.6 เปอร์เซ็นต์ ต่ำกว่าปริมาณการค้าสินค้าเทกองที่คาดโต 4 เปอร์เซ็นต์ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก ที่จะช่วยหนุนอัตราค่าระวางให้สูงต่อเนื่อง และบริษัทฯยังเตรียมซื้อเรือ 2-3 ลำ ในปีนี้เพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้นอีกด้วย ส่วนธุรกิจบริการนอกชายฝั่งมี Backlog แล้วสูงถึง 190 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมทยอยส่งมอบในปี 2564-2565 และในปีนี้ ไม่มีเรือเข้าอู่แห้ง

จึงคาดว่าปี 2564 นี้จะพลิกเป็นกำไรประมาณ 754 ล้านบาท และต่อเนื่อง 19.5 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2565 ปัจจุบันบริษัทฯ มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง ด้วยเงินสดและเงินลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท

โดยการเสนอขายหุ้นครั้งนี้ได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนอย่างล้นหลาม สะท้อนถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อบริษัทฯ ซึ่งเป็นผลมากจากการที่ TTA มีแผนการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง จึงมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีโครงสร้างทางการเงินที่มั่นคงและมีสภาพคล่องสูง นอกจากนี้ยังมีประวัติการออกหุ้นกู้ที่น่าเชื่อถือ เพราะที่ผ่านมาหุ้นกู้ของ TTA ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้ตอบโจทย์ด้านความน่าเชื่อถือของกลุ่มผู้ลงทุน โดย TTA เป็นบริษัทฯ เพื่อการลงทุนในเชิงกลยุทธ์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย มีนโยบายการลงทุน คือ การสร้างความเติบโตอย่างสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน ซึ่งมีการกระจายการลงทุนอย่างเหมาะสมทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งพอร์ตในการลงทุนประกอบด้วย กลุ่มธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ กลุ่มธุรกิจให้บริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มธุรกิจการลงทุนอื่นฯ

“แม้เป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาว่าผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะสิ้นสุดลงเมื่อใด แต่เราคาดว่าสถานการณ์ที่เลวร้ายที่สุดน่าจะผ่านไปแล้ว และ TTA มีแนวโน้มที่จะพลิกกลับมาสร้างผลกำไรในปี 2564 นี้ โดยช่วงต้นปีนี้คาดการณ์กันว่าตลาดสินค้าแห้งเทกองจะปรับตัวดีขึ้น ตามความต้องการใช้เรือขนส่งสินค้าแห้งเทกองที่เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะส่งผลดีต่อการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการงานวิศวกรรมใต้ทะเลคาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นจากมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบซึ่งยังคงแข็งแกร่ง รวมทั้งการเลิกขุดเจาะเมื่อปีที่แล้ว ยังช่วยลดความเสี่ยงในอนาคต ส่วนธุรกิจกลุ่มเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรยังคงทำกำไรต่อเนื่อง ขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มสามารถเดินหน้าสร้างการเติบโตและเพิ่มยอดขายผ่านบริการเดลิเวอรี่ได้อย่างต่อเนื่อง” นายเฉลิมชัยกล่าว

Mermaid และ ARV ได้ร่วมมือกันก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ “ZeaQuest Company Limited” เพื่อพัฒนา AI และเทคโนโลยีหุ่นยนต์เพื่อให้บริการตรวจสอบซ่อมแซมและบำรุงรักษาใต้น้ำสำหรับภาคน้ำมันและก๊าซและพลังงานหมุนเวียนในเอเชียและทั่วโลก เมื่อปลายปีที่ผ่านมา

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา จากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องการดูแลสุขภาพ ความปลอดภัย สวัสดิการของพนักงานเป็นอันดับแรก และการบริหารจัดการให้ธุรกิจดำเนินต่อไปได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่หยุดชะงัก เพื่อรักษาความได้เปรียบทางด้านการแข่งขันและเตรียมความพร้อมรองรับการเติบโตในอนาคต โดยโทรีเซน ชิปปิ้ง ได้ซื้อเรือมือสองจำนวน 2 ลำ ขณะที่ Mermaid ได้ร่วมทุนกับ บริษัท เอไอ แอนด์ โรโบติกส์ เวนเจอร์ส จำกัด (ARV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) เพื่อจัดตั้ง บริษัท ซีเควสต์ จำกัด สำหรับพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์และปัญญาประดิษฐ์

ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจต่างๆ ดังนี้

• กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : TTA รายงานผลกำไรสุทธิจำนวน 390.9 ล้านบาทในปี 2563 อัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ยอยู่ที่ 9,517 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าตลาดสุทธิของเรือซุปราแมกซ์อยุ่ที่ 7,779 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน หรือร้อยละ 22 นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการเดินเรือยังคงต่ำอยู่ที่ 3,709 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน และมีอัตราการใช้ประโยชน์ของเรือที่กลุ่มธุรกิจฯ เป็นเจ้าของอยู่ที่ร้อยละ 100 ในปี 2563 ทั้งนี้กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือเป็นเจ้าของเรือ 23 ลำ มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,686 DWT
• กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : บริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือ Mermaid ได้เลิกดำเนินธุรกิจขุดเจาะแล้ว เนื่องจากเป็นธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของราคาน้ำมันที่สูงมาก จึงหันไปมุ่งเน้นงานสำรวจ ซ่อมแซม และซ่อมบำรุง ซึ่งเป็นธุรกิจที่มีความมั่นคงมากกว่า ส่งผลให้ครึ่งหลังของปี 2563 ที่ผ่านมาผลการดำเนินงานปรับตัวดีขึ้น โดยกำไรขั้นต้นปรับเพิ่มขึ้น 186% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก เนื่องจากมีเรือถูกส่งเข้าอู่แห้งถูกกักตัวตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตลอดจนอัตราค่าจ้างต่อวันที่ลดลงของเรือที่เข้ามาทำงานแทนเรือที่ส่งไปเข้าอู่แห้ง ทำให้กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งรายงานผลขาดทุนสุทธิจากการดำเนินงานที่เป็นส่วนของ TTA จำนวน 583.6 ล้านบาท และมีมูลค่าสัญญาให้บริการที่รอส่งมอบยังคงแข็งแกร่งที่ 190 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ
• กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร : สามารถทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง โดย บริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอเชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA มีรายได้จากการขายที่ 2,782.8 ล้านบาท ซึ่งค่อนข้างดีเมื่อเทียบกับปีก่อน ท่ามกลางความท้าทายจากการแพร่ระบาดของโควิด19 จากการทำตลาดที่เข้มข้นและมีเครือข่ายความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะตลาดแอฟริกา นอกจากธุรกิจปุ๋ยเคมีแล้ว PMTA ยังให้บริการจัดการพื้นที่โรงงาน โดยมีพื้นที่ให้บริการ 66,420 ตรว. ทั้งนี้รายได้จากการบริการจัดการพื้นที่โรงงานและรายได้อื่นๆในปี 2563 อยู่ที่ 51.5 ล้านบาท โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิส่วนของ TTA จำนวน 64.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 114 % จากปีก่อน
• กลุ่มธุรกิจอื่นๆ : กลุ่มอาหารและเครื่องดื่มและการลงทุนอื่นๆ PIZZA HUT ภายใต้การดำเนินงานของบริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ 70% มีสาขาทั้งหมด 169 สาขาทั่วประเทศ ส่วน ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไซส์อาหารกึ่งเม็กซิกันสไตล์ มีสาขาทั้งหมด 8 สาขาทั่วประเทศ ในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล สำหรับกลุ่มการลงทุนอื่นๆ มุ่งเน้นธุรกิจการบริหารทรัพยากรน้ำและโลจิสติกส์ คือ บริษัท เอเชีย อินฟราสตรักเชอร์ แมเนจแม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด (AIM) โดย TTA ถือหุ้นอยู่ 80.5% เป็นผู้ออกแบบ ก่อสร้าง และให้บริการครบวงจรด้านการบริหารทรัพยากรน้ำ ซึ่งได้รับสัมปทานในการจำหน่ายน้ำประปาในหลวงพระบาง ประเทศลาว ผ่านบริษัทย่อยที่ AIM ถือหุ้นอยู่ 66.7% อีกด้วย

รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc