IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายชูเดช คงสุนทร กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาธุรกิจ บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศแบบครวงจร เปิดเผยว่า ภาพรวมธุรกิจด้านโลจิสติกส์ระหว่างประเทศในช่วงครึ่งหลังปี 2562 มีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก แม้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจะอยู่ท่ามกลางสถานการณ์สงครามการค้าจีน -สหรัฐอเมริกา และการแข็งค่าของค่าเงินบาท ที่ส่งผลกระทบต่อภาคการส่งออกโดยรวม
อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังจะเริ่มเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจระบบขนส่งโลจิสติกส์ ทำให้ปริมาณการขนส่งเคลื่อนย้ายสินค้าประเภทต่าง ๆ กลับมาคึกคักอีกครั้ง ประกอบกับรัฐบาลใหม่ที่จะเดินหน้าลงทุนสานต่อนโยบาย ในการทยอยดำเนินงานก่อสร้างต่อเนื่องในงานโครงสร้างพื้นฐานโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economics Corridor ) หรือ EEC อาทิ ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรม ท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 คิดเป็นมูลค่ารวมหลักแสนล้านบาททั้งนี้ คาดว่าภายหลังการจัดตั้งรัฐบาลจะเกิดความเชื่อมั่นของนักลงทุนหรือผู้ประกอบการต่างๆ ด้วยการดึงดูดการลงทุนเข้ามาอีกเป็นจำนวนมากในอนาคต
ปัจจัยสนับสนุนการเติบโตดังกล่าวจะส่งผลให้ความต้องการบริการขนส่งเพื่อนำเข้าและส่งออก ตลอดจนการใช้งานพื้นที่คลังสินค้ามีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นตาม ซึ่งจะส่งผลดีต่อผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ทุกแขนง
สำหรับกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังปี 2562 บริษัทเดินหน้าขยายงานในด้านขนส่งข้ามชายแดน (Cross-Border Transport Services) ระหว่างประเทศจีน ฮ่องกง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ตามเส้นทาง One Belt One Road ของจีน โดยการบริหารงานของบริษัทร่วมทุน EUROASIA TOTAL LOGISTICS CO., LTD. (ETL) ปัจจุบันมีปริมาณงานเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ลงทุนจำนวน 30 ล้านบาท ในการสั่งผลิตตู้ทำความเย็นไซส์พิเศษ 45 ฟุต รองรับสินค้าแช่แข็งและของแห้ง เพื่อรองรับสินค้าที่มีปริมาณมากและสินค้าที่หลากหลาย
นอกจากนี้ บริษัทยังสั่งผลิตตู้แบบต่อกัน (Double Rack) รองรับสินค้าแบบไม่เต็มตู้ ซึ่งจะตอบโจทย์ผู้ประกอบการที่ต้องการขนส่งสินค้าจำนวนไม่มาก ทำให้สามารถขนส่งสินค้าทั้งขาไปและขากลับได้มากขึ้น และยังตอบโจทย์ผู้ประกอบการด้าน E-Commerce ทำให้บริษัทสามารถเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย
ขณะที่ธุรกิจคลังสินค้าในแหลมฉบังใช้พื้นที่ถูกไปแล้วกว่า 70% ของพื้นที่รวม 1.7 หมื่นตารางเมตร ปัจจุบันบริษัทได้เซ็นสัญญาลูกค้าเดิมเพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นลูกค้าผู้ผลิตแผงโซล่าเซลล์และผู้ผลิตโรงงานกระจกรายใหญ่ เพื่อรับงานหาพื้นที่คลังสินค้าให้ลูกค้า และงานบริหารจัดการแบบ Onsite service ส่งผลให้บริษัทมีรายได้จากธุรกิจนี้เพิ่มขึ้นตาม
“บริษัทยังคงเดินหน้าขยายฐานลูกค้าในส่วนของการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ แบบ Door-to-Door พร้อมกับร่วมโปรโมทงานขนส่งทุกช่องทาง เพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ ทั้งจาก WICE Logistics (Singapore) Company Ltd., WICE Logistics (Hong Kong) Ltd. และ WICE Logistics (Shenzhen) Company Ltd.”
ส่วนรายได้ในปี 2562 บริษัทตั้งเป้าเติบโตอีก 25% ถือเป็นสถิติเติบโตสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีปัจจัยจากกลยุทธ์ขยายธุรกิจแบบ Organic ตามปริมาณงานบริการทุกประเภทที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และการเติบโตแบบ Inorganic จากการที่ซื้อกิจการและลงทุนขยายโครงข่ายไปทั่วเอเชีย เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำการให้บริการด้านโลจิสติกส์ในระดับภูมิภาคเอเชีย ซึ่งมีบริการครบวงจรสามารถให้บริการได้ครอบคลุมพื้นที่ยุทธศาสตร์ทางการค้าที่สำคัญ โดยมุ่งเน้นการสร้างโครงข่ายพันธมิตรในธุรกิจขนส่งอย่างต่อเนื่องในอนาคต ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของ WICE แบ่งเป็น Sea Freight 33%, Air Freight 47%, การให้บริการ Logistics 17% และ Cross border 3%