โดยเครื่องบินดังกล่าวที่อยู่ในขั้นตอนการพัฒนาโดย Mitsubishi Aircraft Corporation (เมืองโทยามะ จังหวัดไอจิ) และคาดว่าจะสามารถดึงดูดให้เกิดการจัดตั้งฐานซ่อมบำรุงเครื่องบิน MRJ ขึ้น ณ ระเบียงเขตเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor / EEC) โดยพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ

โดยผู้บริหารการบินไทยอยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเสนอการขายจาก Mitsubishi Aircraft Corporation เพื่อจะนำเครื่องบินชนิดนี้มาใช้ใน “ไทย สมายล์” ซึ่งเป็นแบรนด์สำหรับเส้นทางบินระยะสั้น

ปัจจุบัน ไทยอยู่ระหว่างการส่งเสริมกลยุทธ์การยกระดับอุตสาหกรรมระยะยาว “ไทยแลนด์ 4.0” ซึ่งเน้นไปที่การพัฒนา EEC โดยมีมาตรการกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ EEC ด้วยนโยบายลดหย่อนภาษีเงินได้ให้กับอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อุตสาหกรรมอากาศยาน อุตสาหกรรมยานยนต์แห่งอนาคต

ในส่วนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับอากาศยานเอง ก็ได้มีการวางแผนเพิ่มจำนวนผู้โดยสารที่ใช้บริการท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภา (ระยอง) จาก 3 ล้านคน ให้เป็น 60 ล้านคนภายในปี 2023 และยังมีแนวคิดที่จะสร้างฐานซ่อมบำรุง (Maintenance, Repair and Operations / MRO) ขนาดใหญ่อีกด้วย

ซึ่งนอกจากทาง Airbus ที่ได้แสดงความตั้งใจในการพัฒนาฐาน MRO แล้ว ผู้เกี่ยวข้องจากรัฐบาลไทยยังระบุว่า “Boeing และ General Electric (GE) เองก็อยู่ระหว่างการพิจารณาด้วย”

อย่างไรก็ตาม ยอดสั่งซื้อใหม่ของ MRJ นั้นไม่สู้ดีนัก โดยยอดล่าสุด 20 ลำมาจาก Rockton บริษัทจัดเช่าของสวีเดนซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนสัญญาเบื้องต้น อีกทั้งยังไม่มียอดสั่งซื้อเพิ่มเติมจากงานแสดงเครื่องบินและอวกาศ “International Paris Air Show” ในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา  ดังนั้น ยอดสั่งซื้อปัจจุบันที่นับรวมยอดจาก Rockton แล้วอยู่ที่ 447 ลำ ซึ่งไม่เพียงพอต่อการแบ่งตลาดมาจาก Embraer ของบราซิลและเจ้าอื่นๆ

คาดการณ์ว่าเครื่องบินลำแรกจะแล้วเสร็จในปี 2020 จึงมีการจัดเที่ยวบินทดสอบขึ้นที่สหรัฐอเมริกาเพื่อขอรับการรับรอง ซึ่งการทดสอบเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมานี้ ได้เกิดเหตุเครื่องยนต์เครื่องหนึ่งของเครื่องทดสอบหมายเลข 2 ดับลงระหว่างการบิน ทำให้เที่ยวบินทดสอบของเครื่องทั้ง4 ลำถูกพักไว้และจะมาทำการทดสอบอีกครั้งในวันที่ 6 กันยายน (เวลาท้องถิ่น) 

ที่มา : Nikkan Kogyo Shimbun