IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | [email protected]
นายวิโรจน์ เจริญตรา
นายวิโรจน์ เจริญตรา กรรมการผู้จัดการ บมจ. พรีบิลท์ (PREB) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโตประมาณ 30% จากปีก่อน ปัจจุบันธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมีงานรอรับรู้รายได้ (backlog) ประมาณ 8 พันล้านบาท คาดว่าจะแบ่งรับรู้ภายในปีนี้ราว 4 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ฯในอีก 2 ปีข้างหน้า
รวมทั้งบริษัทจะมีรายได้จากงานผลิตและขายแผ่นพื้นคอนกรีต และพรีแคส จากบริษัท พีซีเอ็ม คอนสตรัคชั่น แมททีเรียล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อย อีกประมาณ 580 ล้านบาท
และรายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์อีกประมาณ 90 ล้านบาทที่คาดว่าจะเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 4/62
ทั้งนี้ ภาพรวมธุรกิจปี 62 ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง และธุรกิจผลิตและขายแผ่นสำเร็จคาดการณ์ว่าจะมีความเติบโตได้ทั้งในเรื่องยอดรายได้และกำไร ขณะที่สาเหตุที่ทำให้บริษัทมีกำไรที่ดีเกิดจากความสามารถควบคุมต้นทุน และความสามารถในการส่งมอบงานได้ตรงเวลาโดยมีงานแก้ไขน้อย
"แนวโน้มของงานรับเหมาก่อสร้างอาคารสูงของบริษัทฯ ยังมีทิศทางที่ดี และยังคงสร้างผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ โดยปีนี้บริษัทฯ เพิ่มงานธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้ามา เพื่อสนับสนุนให้บริษัทฯ มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยยังเน้นการมีจุดแข็งในด้านคุณภาพที่ดี และมีต้นทุนต่ำ โดยจะช่วยทำให้บริษัทฯ รักษาความสามารถในการทำกำไรไว้ได้ในระดับที่เพิ่มขึ้น"นายวิโรจน์ กล่าว
สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานปี 61 บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 3,896.14 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 384.21 ล้านบาท ซึ่งเมื่อเทียบเฉพาะส่วนงานที่ดำเนินงานต่อเนื่องพบว่ามีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น โดยมีกำไรเพิ่มขึ้นประมาณ 92 ล้านบาท โดยในปี 60 บริษัทมีกำไรจากธุรกิจดำเนินงานต่อเนื่องประมาณ 292.06 ล้านบาท และเมื่อรวมกำไรจากธุรกิจที่ยกเลิก และ กำไรจากการขายธุรกิจที่ยกเลิกเป็นผลให้ปี 60 มีกำไรรวม 703.51 ล้านบาท
ทั้งนี้ กำไรจากการขายกิจการที่ยกเลิกไปได้นำมาลงทุนทั้งในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ทั้งในรูปแบบของการร่วมลงทุนกับกลุ่มพันธมิตรและการพัฒนาโครงการด้วยตนเอง โดย ณ ปัจจุบันนี้ มีโครงการที่พัฒนาเอง 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมราว 4.4 พันล้านบาท และเป็นโครงการร่วมทุนอีก 5 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 5.2 พันล้านบาท คาดว่าปีนี้จะเป็นปีเริ่มต้นที่เริ่มรับรู้ผลกำไรจากการลงทุนในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์