IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายเอก สุวัฒนพิมพ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในปีที่ผ่านมาสร้างสถิติทำรายได้-กำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แม้ว่าสภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวและมีการแข่งขันสูงในตลาด โดยรายได้รวมอยู่ที่ 1,397.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 133.1% เมื่อเทียบกับปีก่อน จากรายได้ธุรกิจกาวอุตสาหกรรมอยู่ที่ 723.73 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน และจากธุรกิจสติ๊กเกอร์และฉลากทำรายได้อยู่ที่ 812.84 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.2%เมื่อเทียบกับปีก่อน
โดยการเติบของทั้งสองธุรกิจส่งผลให้บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 85.81 ล้านบาท สำหรับปัจจัยที่สนับสนุนให้กำไรและรายได้ปรับตัวขึ้น เนื่องจากในปีที่ผ่านมากลุ่มบริษัทมีการทำ Synergy ระหว่างกันไปอย่างสมบูรณ์แบบ ซึ่งกลยุทธ์ที่สำคัญที่จะทำให้กลุ่มบริษัทฯ สามารถเพิ่มยอดขายและกำไรในอนาคต สะท้อนถึงผลการดำเนินงานที่เติบโตอย่างชัดเจนตั้งแต่ในปี 2562 และมั่นใจว่าจะส่งผลต่อเนื่องมายังปี 2563 นี้
"ผลการดำเนินงานในปีที่ผ่านมาเป็นไปตามคาดการณ์ตามแผนกลยุทธ์ที่วางไว้ โดยงบในปี 2562 เติบโตมาจากการควบรวม PMC และยังมีการเติบโตทางด้านยอดขายของทั้งสองกลุ่มธุรกิจของกิจการ โดยเฉพาะการเติบโตด้านยอดขายจากกลุ่มกาวอุตสาหกรรม"
ซึ่งธุรกิจกาวอุตสาหกรรมมีการพัฒนาการในปีที่ผ่านมาที่เห็นได้ชัดคือด้านรายได้และความสามารถในการทำกำไรทีดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ด้าน นางสาวยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ กรรมการผู้จัดการ SELIC กล่าวเพิ่มเติมว่า ความสามารถในการทำกำไรของบริษัทที่เพิ่มขึ้นในปีที่ผ่านมา เนื่องจากบริษัทฯมีการบริหารจัดการต้นทุนสินค้าที่ดีขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายที่มีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่าในปีก่อนหน้านี้ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ในปี 2563 คาดจะเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลัก แม้ว่าในช่วงต้นปีนี้จะมีความไม่แน่นอนหลายปัจจัย ทั้งสงครามทางค้าระหว่างประเทศจีนกับสหรัฐฯ ที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกของไทย และภาพรวมเศรษฐกิจชะลอตัว แต่บริษัทได้มีการปรับตัวเพื่อเตรียมรับมือสถานการณ์ดังกล่าวแล้ว ด้วยการกระจายสินค้าไปยังหลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นกาวที่ใช้สำหรับสลากเครื่องดื่มแบบขวด แบบกระป๋อง กลุ่มอาหารแช่เย็น และเครื่องใช้อุปโภคบริโภคอื่นๆ
และแม้จะมีสถานการณ์ความไม่สงบในตะวันออกกลางที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ซึ่งส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันให้ปรับตัวสูงขึ้นนั้น และส่งผลต่อราคาวัตถุดิบสำคัญในกระบวนการผลิตของบริษัท แต่ปัจจุบันบริษัทฯสามารถตรึงราคาวัตถุดิบเอาไว้ได้ จึงจะไม่ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต แต่หากมีการปรับตัวขึ้นสูงมากกว่านี้และสถานการณ์เกิดขึ้นในระยะยาวก็อาจจะมีผลกระทบบ้าง ซึ่งบริษัทจะบริหารจัดการให้ดีที่สุด เพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบน้อยที่สุด
"เรายังคงเชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปี 63 นี้ จะเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้อย่างแน่นอน แม้ว่าสถานการณ์ที่ผ่านมาจะมีความไม่แน่นอนหลายๆ แต่เราก็ยังสามารถบริหารจัดการได้ รวมถึงเราถือว่ามีการจำหน่ายสินค้าไปในหลายกลุ่มที่จำเป็นต้องใช้ในชีวิตประจำวัน แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังคงติดตามสถานการณ์ต่างๆ อย่างใกล้ชิดต่อไป" นางสาวยุวดีกล่าว
นางสาวยุวดีกล่าวอีกว่า บริษัทยังคงมองหาและเจรจาเพื่อเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นกิจการที่มีความเกี่ยวเนื่องและสนับสนุนการเติบโตของบริษัท ขณะเดียวกันก็อยู่ระหว่างการหาเครื่องมือทางการเงินที่เหมาะสม ซึ่งยอมรับว่าการเพิ่มทุนจดทะเบียนถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะรองรับการขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง และลดอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ลง จากปัจจุบันอยู่ที่ราว 3 เท่า และมีหนี้เงินกู้ที่ใช้ในการเข้าซื้อกิจการกลุ่ม PMC ประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งมีภาระดอกเบี้ยจ่ายประมาณ 40 ล้านบาทต่อปี
สำหรับสถานการณ์โควิค19 ในตอนนี้ บริษัทฯคาดว่าไม่ส่งผลกระทบกับบริษัทฯ โดยบริษัทตั้งเป้ายอดขายจากธุรกิจกาว (Adhesive) ที่คาดว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ในประเทศ โดยจะใช้กำลังการผลิตเพียง 80% เพียงพอกับการเติบโตในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ส่วนธุรกิจสติ๊กเกอร์ผ่านทาง PMC อยู่ระหว่างปรับกระบวนการทำงานร่วมกัน คาดว่าปีนี้มีความพร้อมดำเนินการผลิตและเตรียมขยายฐานตลาดอย่างเต็มที่
โดยบริษัทฯ ได้มีมาตรการรองรับในสถานการณ์ดังกล่าว ด้วยการจัดซื้อวัตถุดิบและจัดหาซัพพลายเออร์ใหม่ เพื่อสำรองไว้ ในกรณีฉุกเฉินที่คู่ค้าจีนไม่สามารถจัดหาวัตถุดิบให้ได้ ส่วนลูกค้าของบริษัทฯ ไม่มีผลกระทบมากนัก เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้าอุตสาหกรรมที่มีคำสั่งซื้อต่อเนื่อง โดยบริษัทฯ มีลูกค้าในกลุ่มเครื่องดื่ม อาหารและรองเท้า กว่า 2,000 ราย ซึ่งจะช่วยกระจายความเสี่ยง นอกจากนี้ต้นทุนวัตถุดิบของบริษัทฯ ส่วนใหญ่เป็นกระดาษและเคมีภัณฑ์ที่จะมีแนวโน้มปรับตัวลดลงตามทิศทางของราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดอื่น จึงจะส่งผลด้านบวกที่จะทำให้ต้นทุนการผลิตลดลงและสร้างผลกำไรได้มากขึ้น
บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายกาวอุตสาหกรรมสัญชาติไทย ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2524 ปัจจุบันเป็นผู้ให้บริการเทคโนโลยีกาวอุตสาหกรรมแบบครบครันแก่ลูกค้าในอุตสาหกรรมต่าง ๆ อย่างกว้างขวางทั้งในและต่างประเทศ โดยทีมงานที่มากด้วยประสบการณ์และมีความรู้เฉพาะด้าน รวมทั้งทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาคุณภาพ และการบริการ ให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้เกิดความพึงพอใจสูงสุด และเป็นส่วนร่วมในการเติบโตทางด้านธุรกิจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป