โรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ในเมืองเทคนาฟ และสามารถเชื่อมต่อกับกริดไฟฟ้าได้สำเร็จในเดือนกันยายน 2561 การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จะช่วยบรรเทาปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้งในพื้นที่ โดยไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงไฟฟ้าดังกล่าวสามารถตอบสนองความต้องการไฟฟ้าในพื้นที่ได้ถึง 80% ขณะเดียวกัน คาดว่าโรงไฟฟ้าแห่งนี้จะสามารถลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ถึง 20,000 ตันต่อปี เมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานดีเซลที่มีขนาดเท่ากัน

ทั้งนี้ รัฐบาลบังกลาเทศตั้งเป้าว่าจะผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ให้ได้ 2,000 เมกะวัตต์ภายในปี 2564 โครงการนี้จึงถือเป็นก้าวแรกของรัฐบาลในการใช้แผนพลังงานใหม่ และมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาพลังงานใหม่ในประเทศ

คุณนูเฮอร์ ลาทิฟ ข่าน กรรมการผู้จัดการของ TSEL กล่าวว่า "โมดูลของ JA Solar มีจุดเด่นในด้านการผลิตไฟฟ้า ส่งผลให้โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แห่งนี้สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้มากกว่าที่คาดการณ์ไว้มาก" 

ด้านคุณจิน เป๋าฟาง ประธานกรรมการและซีอีโอของ JA Solar กล่าวว่า

JA Solar จะเดินหน้ายกระดับนวัตกรรมเทคโนโลยีและพัฒนาคุณภาพผลิตภัณฑ์ต่อไป เพื่อตอบสนองความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าทั่วโลก ตลอดจนสนับสนุนการพัฒนาพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก

โรงไฟฟ้าดังกล่าวตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำสายใหญ่ที่สุดในพื้นที่ และอยู่ใกล้ชายฝั่งในระยะ 1 กิโลเมตร สภาพภูมิอากาศที่ร้อนชื้นและมีลมแรงตลอดทั้งปี รวมถึงดินที่มีสภาพเค็มและเป็นด่างทำให้จำเป็นต้องใช้โมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ที่มีประสิทธิภาพสูงมาก ซึ่งโมดูลเซลล์แสงอาทิตย์ของ JA Solar ก็ผ่านการทดสอบความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมและความเชื่อถือได้ในระยะยาว ทั้งยังมีคุณสมบัติเป็นเลิศในการต้านทานการกัดกร่อนและการเสื่อมสภาพ (PID) รวมถึงละอองเกลือและแรงลม นอกจากนั้นยังสามารถรักษาระดับการผลิตกระแสไฟฟ้าให้คงที่ได้ในระยะยาว โรงไฟฟ้าแห่งนี้ก่อสร้างโดยบริษัท Technaf Solartech Energy Limited (TSEL) ในเครือของ Joules Power