December 22, 2024

เบนซ์ จัดหนักส่งท้ายปี อวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA พร้อมเปิดตัว 2 รถหรูแรงตระกูลเอเอ็มจี ในมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เตรียมพร้อมเข้าสู่งานมหกรรมจัดแสดงรถยนต์สุดยิ่งใหญ่ในช่วงปลายปี 'มอเตอร์ เอ็กซ์โป 2018' ส่งตรงรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ EQA จากต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวยนตรกรรม 2 รุ่นใหม่ล่าสุดจากแบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี

ได้แก่ CLS 53 4MATIC+มาเอาใจคนไทยที่ชื่นชอบความหรูหราระดับพรีเมี่ยม ที่มาพร้อมกับสมรรถนะเต็มพิกัด ให้ได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด และน้องใหม่ ในตระกูล AMG GT อย่าง Mercedes-AMG GT S พร้อมขนทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ มาจัดแสดงอีกกว่า 26 คัน ภายในงานมอเตอร์ เอ็กซ์โป ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ เมืองทองธานี 
          สำหรับงานมอเตอร์ เอ็กซ์โปในปีนี้ ภายในบริเวณบูธ เราได้แบ่งโซนการจัดแสดงรถยนต์ออกเป็น 4 โซน ครอบคลุมรถยนต์ภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งในกลุ่ม Compact Car, Contemporary Luxury, Dream Car และ SUV รวมถึงแบรนด์รถยนต์หรูระดับอัลตร้า ลักชัวรี อย่าง เมอร์เซเดส-มายบัค รถยนต์สปอร์ตสมรรถนะสูงระดับพรีเมี่ยมอย่างเมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และแบรนด์เทคโนโลยีกับรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริด อย่าง EQ Power เพื่อแสดงให้ลูกค้าได้สัมผัสรถยนต์แต่ละกลุ่มได้อย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่เราได้ขนทัพยนตรกรรมสปอร์ตสมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีจำนวนกว่า 8 รุ่น ครบทั้งตระกูลครอบคลุมตั้งแต่รถยนต์คอมแพค ในรุ่น 45 ที่ใช้เครื่องยนต์แบบ 4 สูบ รถซาลูนรุ่นประกอบในประเทศ และรถยนต์สไตล์คูเป้ รุ่น 43 หรือรถยนต์รุ่น 53 นำเข้าที่เพิ่งเปิดตัวในครั้งนี้ รวมถึงรถยนต์เครื่องแรงที่สุดในรุ่น 63 และตระกูล AMG GT ครบทั้ง GT S GT C และ GT R มากที่สุดเท่าที่เคยร่วมงานจัดแสดงรถยนต์ เพื่อมาให้ลูกค้าชาวไทยได้สัมผัสกันอย่างใกล้ชิด

          ข้อมูลผลิตภัณฑ์
          เมอร์เซเดส-เบนซ์ คอนเซ็ปต์ อีคิวเอ รถยนต์ต้นแบบที่จะแสดงให้เห็นถึงกลยุทธ์อีคิวที่จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์กลุ่มคอมแพค ด้วยระบบขับเคลื่อนซึ่งมีมอเตอร์ไฟฟ้าหนึ่งชุดที่เพลาหน้า และอีกหนึ่งชุดที่เพลาท้าย ทำให้รถยนต์ไฟฟ้าคันนี้ให้กำลังสูงสุดกว่า 200 กิโลวัตต์ โดยสไตล์การ ขับขี่ยังสามารถปรับเปลี่ยนได้ ผ่านการปรับการทำงานของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ เพื่อให้แบ่งกำลังไปยังล้อหน้า และล้อหลังในรูปแบบที่แตกต่างกัน
          โดยคอนเซ็ปท์ อีคิวเอ คือผลจากการนำปรัชญาการออกแบบ Sensual Purity มาตีความใหม่ พร้อมกับขับเคลื่อนแนวคิด Modern Luxury ให้พัฒนาสู่ความเป็นProgressive Luxury โดยลบองค์ประกอบที่เป็นสัน และเส้นออกไป และก้าวสู่ความบริสุทธิ์หมดจดในอีกระดับ สัดส่วนที่น่าตื่นตารวมถึงพื้นผิวที่ราบลื่นไร้รอยต่อ เมื่อผสานกับกราฟิกเร้าอารมณ์ที่เกิดจากการใช้แผงด้านหลังแบบไฮเทคสีดำ บ่งบอกถึงความเป็นที่สุดของการออกแบบที่โดดเด่น ทำให้รถยนต์คันนี้ดูมีเสน่ห์อย่างแท้จริง นอกจากนี้รถยนต์คันนี้ได้เพิ่มความสวยงามภายนอก ด้วยเทคโนโลยี ไฟส่องสว่างที่โดดเด่นด้วยเลเซอร์ไฟเบอร์ โดยที่ตัวกลางซึ่งถูกกระตุ้นด้วยแสงเลเซอร์ได้ถูกฝังไว้ในแกนกลางของเคเบิ้ลใยแก้ว ไฟรูปทรงขดเกลียวเล็กๆ สวยสะดุดตาช่วยเน้นย้ำแนวคิดของรถยนต์ไฟฟ้า ทั้งด้วยการออกแบบที่ชวนให้นึกถึงขดลวดทองแดงในมอเตอร์ไฟฟ้า และภาพการเคลื่อนไหวที่ให้มโนภาพถึงการเคลื่อนที่ของกระแสไฟฟ้า

 มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ ได้เพิ่มกำลังขับเคลื่อนมากขึ้นกว่า 200 กิโลวัตต์ ด้วยผลของระบบแบตเตอรี่แบบเพิ่มขยายส่วนประกอบได้ ตลอดจนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อตลอดเวลาที่ให้สมรรถนะอันปราดเปรียวอย่างน่าประทับใจ
โหมดการขับขี่ 2 รูปแบบ คือ "Sport" และ "Sport Plus" ปรับเปลี่ยนแรงบิดที่ส่งไปยังล้อหน้า และล้อหลังในอัตราที่แตกต่างกัน จึงเลือกบุคลิกการขับขี่ในแต่ละแบบได้ แผงสีดำบริเวณตอนหน้าของรถทำหน้าที่เป็นกระจังหน้าแบบเสมือน และจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ไปตามโหมดการขับขี่ที่ใช้ โดยในโหมด "Sport" กระจังจะแสดงภาพปีกติดเปลวเพลิงในแนวนอน ส่วนในโหมด "Sport Plus" ภาพที่แสดงจะเป็นเส้นขีดแนวตั้งรูปกระจังหน้าในแบบแพนอเมริกาน่า
          ด้วยโหมดการทำงานแบบอัจฉริยะของเมอร์เซเดส-เบนซ์ รถต้นแบบ คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถวิ่งได้เป็นระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความจุของแบตเตอรี่ที่ติดตั้งเอาไว้ด้วย ซึ่งแบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออนประสิทธิภาพสูงนี้ เป็นแบบเซลล์กระเป๋า (Pouch Cell) ที่ผลิตขึ้นโดยบริษัทย่อยของเดมเลอร์ คือ บริษัท ดอยท์ช แอคคิวโมทิฟ ซึ่งผลจากการออกแบบในแบบโมดูลาร์ ทำให้ระบบแบตเตอรี่ชนิดนี้มีความจุรวมเฉพาะรุ่นมากกว่า 60 kWh
          คอนเซ็ปท์ อีคิวเอ สามารถชาร์จไฟฟ้าผ่านการเหนี่ยวนำแม่เหล็กไฟฟ้า (Induction) หรือ วอลล์บ็อกซ์ และยังรองรับการชาร์จเร็ว (Rapid Charging) อีกด้วย ในส่วนของวิสัยทัศน์ด้านการใช้บริการสถานีประจุไฟฟ้าสาธารณะจะเป็นการมุ่งสู่ "การชาร์จที่ราบรื่นไร้ปัญหาติดขัด" โดยบริการที่ใช้ระบบ Mercedes me นี้ จะทำให้การชาร์จ และการจ่ายค่าบริการในสถานีประจุไฟฟ้าแห่งต่างๆ เป็นเรื่องที่แสนง่ายดาย
 

          Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+ รถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 คือผลลัพธ์ของการผสมผสานเครื่องยนต์ที่ให้กำลัง 320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) กับรูปลักษณ์สไตล์สปอร์ต และอัตราการใช้พลังงานที่เยี่ยมยอด รถยนต์ตระกูลนี้มีระบบอีคิวบูสท์ (EQ Boost) ที่สามารถเสริมกำลังให้เครื่องยนต์ได้ ถึง 16 กิโลวัตต์ รองรับการทำงานร่วมกับเครื่องยนต์ที่มีแรงบิดสูงสุดถึง 250 นิวตันเมตร รวมถึงสามารถ สร้างและจ่ายไฟฟ้าเพื่อเลี้ยงระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์ได้ ระบบอีคิวบูสท์เป็นระบบมอเตอร์ไฟฟ้าแบบพิเศษ อีกทั้งยังเป็นระบบที่เป็นตัวกลางช่วยประสานการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับระบบเกียร์ด้วย
          เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาไดสตาร์ทนี้รวมไปถึงระบบประจุไฟฟ้าที่ทำงานโดยใช้คอมเพรสเซอร์ช่วยที่ทำงานด้วยระบบไฟฟ้า (electric auxiliary compressor) และระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์สำหรับท่อไอเสียเพื่อเพิ่มความสนุกในการขับขี่ ยกระดับชื่อเสียงของแบรนด์เอเอ็มจีในฐานะแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูง ลดอัตราการใช้พลังงาน และลดการปล่อยไอเสีย
          สำหรับดีไซน์ภายนอกของรถยนต์รุ่นนี้ โดดเด่นด้วยกระจังหน้าแบบแผงบังคับลมคู่สีเงินชุบโครเมี่ยม วัสดุเก็บขอบด้านข้างแบบพิเศษ กระโปรงหลังรูปแบบใหม่ล่าสุดที่สอดรับกับปลายท่อไอเสียทรงกลมทำให้ดูโดดเด่นสะดุดตา ท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20" พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1โคม) เช่น ระบบไฟส่องสว่าง ขณะขับผ่านสี่แยกหรือวงเวียน ระบบไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเมือง และระบบไฟส่องสว่างสำหรับสภาวะอากาศเลวร้าย รวมถึงหลังคาพาโนรามิคซันรูฟเลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า
 

          ดีไซน์ภายในของรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีตระกูล 53 รุ่นใหม่ติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี ออกแบบขึ้นโดยเฉพาะให้หรูหรา หลากหลาย และเข้ากับรถยนต์สมรรถนะสูงรุ่นใหม่ เพิ่มเติมความสะดวกสบายด้วยแผงหน้าปัดแบบดิจิทัลขนาด 12.3 นิ้ว ทำงานร่วมกับ MB Audio 20 พร้อม Touchpad และController ที่ผู้ขับขี่จะสามารถปรับแต่งการแสดงผลของแผงหน้าปัดได้ 3 รูปแบบได้แก่ "Classic" "Sport" และ "Progressive" อีกทั้งยังสามารถเลือกแสดงข้อมูลต่างๆ ได้เพิ่มเติมตามต้องการอีกด้วย โดยผู้ขับขี่ยังจะสามารถควบคุมรถด้วยพวงมาลัยแบบพิเศษ AMG Performance Steering Wheel ที่เพิ่มความกระชับและมั่นใจตลอดการขับขี่ นอกจากนี้ยังสามารถเพิ่มสุนทรียภาพของการเดินทางด้วยระบบไฟในห้องโดยสารที่ปรับสีได้ถึง 64 สี และระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester(R)surround sound system
          ด้านความปลอดภัยและเทคโนโลยี ที่มีมาอย่างมากมายเพื่อช่วยให้การขับขี่สะดวกสบายขึ้น อาทิ ระบบ AMG DYNAMIC SELECT, ระบบ PRE-SAFE(R) Plus และระบบแสดงผลข้อมูลการขับขี่บนกระจกบังลมหน้า (Head-up display) นอกจากนี้ เทคโนโลยีเกียร์ AMG SPEEDSHIFT TCT 9G transmission ที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีเลือกใช้เป็นระบบเกียร์ที่ตอบสนองดีขึ้นเมื่อผู้ขับขี่เปลี่ยนเกียร์ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อพร้อมเทคโนโลยี AMG Performance 4MATIC+ แบบแปรผันได้สมบูรณ์แบบ รวมไปถึงระบบช่วงล่างแบบถุงลม AMG RIDE CONTROL+ Suspension ที่ทำงานโดยอัตโนมัตินั้นยังช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกรื่นรมย์มากยิ่งกว่าที่เคย ทั้งนี้ ระบบไฟฟ้าของรถที่ใช้แรงดันไฟฟ้า 48 โวลต์เป็นระบบที่เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีพัฒนาให้รองรับกับแนวคิดการปรับเปลี่ยนไปสู่ยุคของรถยนต์สมรรถนะสูงที่ใช้เครื่องยนต์ไฮบริด ระบบไฟฟ้าดังกล่าวจึงรองรับระบบต่างๆ ของเครื่องยนต์ไฮบริด ทั้งโหมดบูสท์ การประจุพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากแรงเบรก (recuperate) การสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า (load point shift) การขับเคลื่อนโดยใช้เพียงแรงเฉื่อยซึ่งเกิดจากการหมุนของมอเตอร์ไฟฟ้า (gliding) หรือแม้แต่การสลับการทำงานของเครื่องยนต์ด้วยระบบ start/stop ที่เรียบลื่น

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด(แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(
วินาที)

ความเร็วสูงสุด(กม. / ชม.)

Mercedes-AMG CLS 53 4MATIC+

เบนซิน               แถวเรียง 6 สูบ

2,999

435 /              6,100

520 /

1,800-5,800

4.5

250


          Mercedes-AMG GT S น้องใหม่ ในตระกูล AMG GT ที่ได้รับการพัฒนาทั้งด้านเครื่องยนต์ ระบบเบรก ระบบกันสะเทือน ตลอดจนดีไซน์ทั้งภายในและภายนอก เป็นสปอร์ตตัวล่าสุดจากเมอร์เซเดส
          ดีไซน์ภายนอก โดดเด่นด้วยการออกแบบฝากระโปรงหน้าแบบ jet wing ที่แสดงให้เห็นถึงความกว้าง ปราดเปรียว ดูลู่ขนานไปกับพื้นถนน กระจังหน้าแบบเอเอ็มจี สอดรับกับฝากระโปรงหน้ายาวและทรงพลัง ช่องรับอากาศที่กว้าง ช่วยให้อากาศไหลผ่านเข้าสู่ระบบเทอร์โบชาร์จเจอร์ได้ดียิ่งขึ้น โดยรถยนต์รุ่นนี้มาพร้อมกับล้อหน้าขนาด 19 นิ้ว ล้อหลังขนาด 20 นิ้ว ระบบไฟหน้าแบบ LED High Performance โครงสร้างตัวรถน้ำหนักเบาแบบ spaceframe ผลิตจากอลูมิเนียม แม็กนีเซียม และเหล็กกล้า ซึ่งทำให้ตัวรถมีศูนย์ถ่วงที่ต่ำ นอกจากนี้ยังมีเหล็กคานขวางอลูมิเนียมที่ช่วยปกป้องขณะพลิกคว่ำและยังมีวัสดุดูดซับเสียงรบกวนเพิ่มเติมอีกด้วย
 

          ดีไซน์ภายใน ตกแต่งเบาะหนัง Nappa ที่อยู่ต่ำเพื่อช่วยโอบล้อมผู้ขับขี่ให้รู้สึกราวกับอยู่ในรถแข่ง, พวงมาลัย AMG Performance Steering wheel หรือสามารถสร้างความโดดเด่นให้มากยิ่งขึ้นด้วยชุดเบาะแบบเอเอ็มจีที่สามารถปกป้องร่างกายของผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้งด้านหน้าและด้านหลังได้มากขึ้นด้วยพนักพิงหลังที่มีความโค้งและเสริมด้วยวัสดุเพื่อความนุ่มสบายที่ด้านข้างมากกว่าเบาะที่นั่งแบบมาตรฐาน เพิ่มความสปอร์ตแต่หรูหรา ด้วยวัสดุโครเมียมสีเงินบนคอนโซลกลาง ช่องแอร์ และที่พักแขน แผงหน้าปัดกว้าง ทำให้ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกราวกับถูกโอบล้อมด้วยปีกนก และห้องโดยสารที่สามารถเปลี่ยนสีได้หลากหลายเพื่อเพิ่มสุนทรียะในการขับขี่
          ความปลอดภัยและเทคโนโลยี ของ Mercedes-AMG GT S มีระบบ AMG RIDE CONTROL (เอเอ็มจีไรด์คอนโทรล) ด้วยการใช้โครงสร้างปีกนกสองชั้นเพื่อรักษาสมดุลของล้อ และติดสปริงไว้ด้านบน ระบบการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT 5 โหมด Comfort, Sport, Sport+, RACE และ Individual ประกอบกับระบบเกียร์ AMG SPEEDSHIFT DCT 7-Speed Sport transmission ที่ใช้ระยะเวลาในการเปลี่ยนเกียร์สั้นลงโดยเฉพาะเกียร์ 3-7 รองรับการขับขี่สไตล์สปอร์ตด้วยการติดตั้งปุ่มชิฟท์เกียร์สีเงินที่พวงมาลัยเพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเปลี่ยนเกียร์แมนนวลได้อย่างสนุกสนาน
 

รุ่น

เครื่องยนต์

ปริมาตร

กระบอกสูบ (ซีซี)

แรงม้าสูงสุด(แรงม้า/

รอบต่อนาที)

แรงบิดสูงสุด

(นิวตันเมตรที่ความเร็วรอบต่อนาที)

อัตราเร่ง

0-100

กม./ชม.
(
วินาที)

ความเร็วสูงสุด(กม. / ชม.)

Mercedes-AMG GT S

V8

เทอร์โบคู่

3,982

522/6,250

670/1,900-5,000

3.8

310

 
 
 
         ซึ่งนอกเหนือจากรถยนต์รุ่นใหม่แล้ว ทุกท่านยังจะได้พบกับทัพยนตรกรรมรุ่นอื่นๆ อีกกว่า 26 รุ่น ครบครันในทุกเซ็กเมนต์ ทั้งแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี และเมอร์เซเดส-มายบัค รวมถึงแบรนด์เทคโนโลยี EQ Power และข้อเสนอพิเศษสุดมากมายเพื่อเป็นการขอบคุณแก่ลูกค้า อาทิ รับดอกเบี้ย 0% นาน 4 ปี เมื่อซื้อรถยนต์ Mercedes-Benz GLC 250 d 4MATIC ทั้งรุ่น AMG Dynamic และ OFF-ROAD หรือเข้าร่วมโปรแกรม mySTAR SPECIAL ผ่อน 1% ของราคารถ เมื่อซื้อรถยนต์รุ่นอื่นๆ รวมถึงทางบริษัทฯ ยังเตรียมมอบ iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด) สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 7 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, E 350 e Avantgarde, E 350 e Exclusive, E 350 e AMG Dynamic, GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ในระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน – 31 ธันวาคม 2561 อีกด้วย
 

          เมอร์เซเดส-เบนซ์ ขอเชิญท่านพบกับขบวนสุดยอดยนตรกรรมรุ่นใหม่ล่าสุดและยนตรกรรมหลากหลายรุ่น ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โปหรือมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 35 ระหว่างวันที่ 29 พฤศจิกายน – 10 ธันวาคม 2561 ณ อิมแพค ชาเลนเจอร์ ฮอลล์ 1 เมืองทองธานี
Rate this item
(0 votes)
Last modified on Wednesday, 21 November 2018 09:50
ประยูร ศรีวิชัยศร

Author : เกาะติดทุกเรื่องราวในแวดวงอุตสาหกรรมยานยนต์, การผลิต, อะใหล่, การประกอบ, การทำตลาด, รีวิว, นวัตกรรม, การประกันภัย, รถมือสอง, ยาง, งานมอเตอร์โชว์ นโยบายส่งเสริมจากภาครัฐ ฯลฯ

Tweet Feed

Post Gallery

Zoomlion จัดงานมินิโรดโชว์ลำปาง 18-22 ธันวาคม 2567 พร้อมโปรโมชันดีส่งท้ายปี

Taiwan Excellence นำเสนอมิติใหม่แห่งวงการอุตสาหกรรมโลหการ  ชูวิสัยทัศน์เด่น "Innovate for Green Metalwork"  ที่ Metalex 2024

ไต้หวัน เดินหน้านโยบายมุ่งใต้ใหม่ ยกระดับความร่วมมือไทย-ไต้หวัน พร้อมโชว์นวัตกรรมอัจฉริยะ ในงาน TAIWAN EXPO 2024

“เมทัลเล็กซ์ 2024” พร้อมโชว์ผลงานชิ้นเอกจาก 3,000 แบรนด์ จัดเต็มพื้นที่ศูนย์ไบเทคเตรียมรับนักอุตสาหกรรมจาก 50 ประเทศ

Taiwan Excellence ยกขบวนนวัตกรรมเครื่องจักรสุดล้ำ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสู่ Net-Zero

Taiwan Expo 2024 พร้อมมอบโอกาสทางธุรกิจให้คนไทยอีกครั้ง 21-23 พ.ย. นี้ อัพเดทเทรนด์ ชมนวัตกรรม เทคโนโลยี โซลูชัน ที่ตอบโจทย์ทุกอุตสาหกรรม

AP THAILAND – CPAC  ผนึกกำลังขับเคลื่อนอุตสาหกรรมเพื่อการอยู่อาศัยไทยสู่ความยั่งยืน  ก้าวสู่ยุคใหม่ด้วยคอนกรีตคาร์บอนต่ำ และรถโม่เล็กซีแพค

“บางกอกเคเบิ้ล” ฉลองเส้นทางผู้นำธุรกิจสายไฟ 60 ปี มุ่งพลิกโฉมความปลอดภัย-อนาคตเมือง พัฒนา Smart Factory-รุกตลาดพลังงานสะอาด รับความต้องการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกโต 3 เท่า

นวพลาสติก คว้ารางวัล Thailand Kaizen Award 2024 ตอกย้ำองค์กรที่มุ่งมั่นด้านการลดการใช้พลังงาน และตระหนักเรื่องสิ่งแวดล้อม

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM