IM สื่ออุตสาหกรรม เป็นสื่อสร้างสรรค์เพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรม มุ่งเน้นนำเสนอข่าวสารด้านบวก ครอบคลุมทุกหมวดหมู่ธุรกิจ ด้วยเจตนารมณ์ที่ต้องการสร้างพื้นที่ให้กลุ่ม SMEs ได้มีที่ยืน ได้มีโอกาสได้ใช้ช่องทางเคียงคู่ไปกับผู้ประกอบการรายใหญ่ เพื่อให้อุตสาหกรรมไทยได้เติบโตไปพร้อมๆ กัน อย่างยั่งยืน
บริษัท สื่ออุตสาหกรรม จำกัด | 02 11 585 22 | an6n@yahoo.com
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการกล่าวปาฐกถาพิเศษ ภายในงานสัมมนา“Thailand-China Business Forum 2018: Comprehensive Strategic Partnership through the Belt and Road Initiative and the EEC” ว่า งานในวันนี้มีความพิเศษกว่างานสัมมนา Thailand-China Business Forum ที่ผ่านมา เพราะมีบริษัทจากจีนให้ความสนใจเข้าร่วมคณะมากกว่า 400 ราย ที่ให้ความสนใจมาศึกษาลู่ทางการลงทุนในประเทศไทยซึ่งเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้
การลงทุนของจีนในปัจจุบันแตกต่างไปจากเดิม เนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจของโลกและการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดดของจีน รวมทั้งความกระตือรือร้นของประเทศต่างๆในเอเชียในการสร้างความเชื่อมโยงด้านโลจิสติกส์ระหว่างกัน การลงทุนจากจีนจึงมีมิติในการสร้างความเข้มแข็งโดยรวมของภูมิภาคด้วย
และนโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) ของประเทศจีนได้กลายเป็นพลังสำคัญที่ทำให้กลุ่มประเทศอาเซียนกลายเป็นทำเลอันเป็นยุทธศาสตร์ที่เชื่อมโยงภูมิภาคสำคัญของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศไทยซึ่งตั้งอยู่ในกลางของภูมิภาคอาเซียน รัฐบาลไทยจึงเห็นว่าสถานการณ์ในวันนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการขยายการลงทุนของจีนในประเทศไทย
ในส่วนของประเทศไทย รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจให้มีความเชื่อมโยงกับนโยบาย Belt and Road Initiative (BRI) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การเชื่อมโยงกับเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซีนอกจากนี้ นักลงทุนจีนยังมีศักยภาพและความสนใจที่จะลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมาย หรือ เอสเคิร์ฟที่ไทยต้องการส่งเสริม และคาดว่าอีอีซีจะเป็นพื้นที่สำคัญที่จะรองรับอุตสาหกรรมเหล่านี้ เนื่องจากความพร้อมในด้านต่างๆนอกเหนือจากโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ศูนย์กลางในการบ่มเพาะนวัตกรรม และสตาร์ทอัพ และการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์แห่งอนาคต
“ผมมั่นใจว่า ไทยและจีนจะร่วมกันสร้างเครือข่ายทางการค้าการลงทุน ให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรม และขอให้มั่นใจว่าแม้ไทยจะเป็นประเทศเล็ก แต่ไทยก็มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นชาติหนึ่งที่มีส่วนร่วมในการสนับสนุนให้เกิดความก้าวหน้าให้กับเอเชีย” นายสมคิดกล่าว
ด้านนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลไทยให้ความสำคัญต่อการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการลงทุนระหว่างไทยและจีนเป็นอย่างมาก นโยบาย Belt and Road ของจีน และนโยบายการสร้างศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาคอาเซียน ผ่านโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของไทย เป็นนโยบายที่สอดคล้องกันและจะช่วยส่งเสริมให้นโยบายเศรษฐกิจของทั้งสองประเทศ และภูมิภาคสนับสนุนซึ่งกันและกันเป็นอย่างดียิ่ง
วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดียิ่งที่รัฐบาลไทยจะได้มีโอกาสแนะนำนโยบายเศรษฐกิจที่สำคัญของรัฐบาล โดยเฉพาะนโยบายความร่วมมือทางด้านอุตสาหกรรม การค้า และการลงทุนของไทยกับจีน คณะนักธุรกิจจีนจะได้รับทราบข้อมูล ความคืบหน้าเกี่ยวกับโครงการเชื่อมไทยกับภูมิภาคเอเชียและจีนภายใต้โครงการ อีอีซี
นอกจากนี้ รัฐบาลไทยยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาโครงสร้างเศรษฐกิจเพื่อปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจให้เอื้ออำนวยต่อการลงทุน เพื่อให้ประเทศไทยมีความพร้อมในการรองรับการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในภูมิภาคอย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น โดยรัฐบาลกำลังจัดตั้งคณะกรรมการขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลอำนวยความสะดวก และแก้ไขปัญหาด้านต่างๆ แก่นักลงทุนให้รวดเร็วและทันท่วงที ซึ่งคณะกรรมการชุดนี้จะมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
ด้านนางสาวดวงใจ อัศวจินตจิตร์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ บีโอไอ กล่าวว่า นักลงทุนจีนถือเป็นนักลงทุนกลุ่มเป้าหมายสำคัญ โดยบีโอไอมีสำนักงานในจีนถึง 3 แห่งเพื่อเข้าถึง นักธุรกิจจีนทุกพื้นที่และจัดกิจกรรมชักจูงการลงทุนอย่างต่อเนื่อง และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา จนถึงช่วงครึ่งปีแรก 2561 (ม.ค.59 – มิ.ย.61) โครงการลงทุนจีนที่ยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุนมีมูลค่ากว่า 56,000 ล้านบาท
และในปีนี้ บีโอไอได้จัดกิจกรรมเดินสายชักจูงการลงทุนในประเทศจีนไปแล้ว 7 ครั้ง ทั้งระดับ รองนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะ และระดับผู้บริหารบีโอไอเป็นหัวหน้าคณะ ซึ่งก็ได้มีการจัดสัมมนาใหญ่เพื่อนำเสนอนโยบายส่งเสริมการลงทุน และการพบปะหารือรายบริษัทกับนักลงทุนชั้นนำของจีน