พาณิชย์ประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก

นายวินิจฉัย แจ่มแจ้ง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ได้เข้าร่วมการประชุมเศรษฐกิจภูมิภาคตะวันออก (Eastern Economic Forum: EEF) ครั้งที่ 3 ณ เมือง วลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

การประชุม EEF เป็นเวทีการส่งเสริมความร่วมมือด้านการค้าการลงทุนกับต่างประเทศของภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี 2558 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายหันหน้าสู่ตะวันออก (Turn to the East) ของประธานาธิบดีรัสเซีย (นายวลาดิเมียร์ ปูติน) ที่ต้องการขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจในภูมิภาคตะวันออกไกลของรัสเซีย ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่เมือง วลาดิวอสต็อก และให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยงเศรษฐกิจของรัสเซียเข้ากับภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 6,000 คน จาก 60 ประเทศ (เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวจากผู้เข้าร่วม 3,500 คน ในปีที่ผ่านมา) มีการลงนามความตกลงด้านการลงทุนทั้งสิ้น 217 ฉบับ คิดเป็นมูลค่า 2.5 ล้านล้านรูเบิล (1.43 ล้านล้านบาท)

ในโอกาสนี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ ได้ร่วมอภิปราย ในการเสวนา Russia-ASEAN Business Dialogue ในงานประชุม EEF โดยได้กล่าวถึงโอกาสที่ไทยและรัสเซียฉลองความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 120 ปี และอาเซียนครบรอบ 50 ปี ในปี 2560 ศักยภาพของอาเซียนคือ เป็นตลาดที่มีผู้บริโภคมากกว่า 600 ล้านคน ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (Gross Domestic Product: GDP) รวมกันเกือบ 3 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีศักยภาพที่จะเติบโตได้อีกมาก เนื่องจากมีแรงงานจำนวนมาก และทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ พลังงานน้ำ แร่ธาตุต่างๆ ประกอบกับการที่อาเซียนกำลังเจรจาจัดทำความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) กับประเทศคู่เจรจา 6 ประเทศ ซึ่ง RCEP จะเป็น “Mega FTA” ครอบคลุมประชากรเกือบครึ่งโลก เป็นร้อยละ 27 ของ GDP โลก ไทยมีจุดแข็งในด้านทำเลที่ตั้งทางภูมิศาสตร์ซึ่งอยู่ใจกลางของอาเซียน สามารถเชื่อมโยงกับจีนและอินเดียได้ ประกอบกับนโยบายของรัฐบาลไทยที่ให้ความสำคัญกับการเชื่อมโยง (connectivity) ในทุกด้าน และมีระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ของไทยซึ่งมีการพัฒนาความพร้อมในทุกด้าน ทั้งโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์ เพื่อรองรับการลงทุนและการขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และเชื่อมโยงประเทศไทยสู่อาเซียน และจีนได้ ซึ่งนโยบายดังกล่าวสอดรับกับนโยบาย หันหน้าสู่ตะวันออกของรัสเซีย ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวรัสเซียมาประเทศไทยปีละกว่า 1 ล้านคน เป็นอันดับ 1 ของนักท่องเที่ยวจากยุโรป และมีนักเรียนไทยศึกษาอยู่ในแถบตะวันออกไกลของรัสเซียเป็นจำนวนมาก การพัฒนาความร่วมมือระหว่างกัน ซึ่งควรผลักดันให้เป็นรูปธรรมคือ ความร่วมมือด้านโลจิสติกส์ระหว่างท่าเรือวลาดิวอสต็อกของรัสเซียกับท่าเรือแหลมฉบังของไทย ไทยและรัสเซียได้ตั้งเป้าหมายการค้าสองฝ่ายให้เพิ่มขึ้นเป็น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2563 ในวันนี้ ได้พาคณะนักธุรกิจมาร่วมกิจกรรม Business Matching ที่วลาดิวอสต็อกด้วย ภายในงาน สินค้าไทยได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการรัสเซียเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าว สคต. ณ กรุงมอสโกร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ได้จัดกิจกรรมโครงการคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาการค้าการลงทุน ณ เมืองวลาดิวอสต็อก สหพันธรัฐรัสเซีย มีบริษัทไทยเข้าร่วมกิจกรรม Business Matching 8 บริษัท ได้แก่ สินค้าผลิตภัณฑ์อาหาร (4 บริษัท) สปาและความงาม (1 บริษัท) ชิ้นส่วนยานยนต์และอะไหล่เสริม (2 บริษัท) และผ้าปูที่นอน (1 บริษัท) มีผู้ประกอบการรัสเซียเข้าร่วม 84 ราย คาดว่าภายใน 1 ปีจะมียอดการสั่งซื้อ 286,000 เหรียญสหรัฐ จากสินค้า อาทิ ลูกหมากรถยนต์ อุปกรณ์ล็อกบ้าน กุญแจบ้าน ยาสีฟันสมุนไพร สบู่ สินค้าสปา เครื่องต้มยำชนิดผง ผลิตภัณฑ์ข้าวสำเร็จรูป และเครื่องดื่มที่ทำจากข้าว

อีกทั้งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงพาณิชย์ และคณะได้เข้าพบผู้บริหารบริษัท FESCO ของรัสเซีย ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รับผิดชอบการบริหารท่าเรือพาณิชย์ในวลาดิวอสต็อก เพื่อหารือการพัฒนาความเชื่อมโยงระหว่างท่าเรือวลาดิวอสต็อกของรัสเซียกับท่าเรือแหลมฉบังของไทย ซึ่งไทยได้ให้ข้อมูล เรื่องนโยบาย Eastern Economic Corridor ของไทย รวมทั้งการเร่งพัฒนาสาธารณูปโภค ระบบคมนาคมขนส่ง และโลจิสติกส์ต่าง ๆ อาทิ ขยายมอเตอร์เวย์ สร้างรถไฟความเร็วสูง สร้างรถไฟทางคู่ ขยายท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง ฯลฯ เพื่อรองรับการลงทุนและขยายตัวทางเศรษฐกิจในพื้นที่ และให้ความสำคัญกับอุตสาหกรรมเป้าหมาย อาทิ รถยนต์แห่งอนาคต หุ่นยนต์เพื่อการอุตสาหกรรม และมีการให้สิทธิพิเศษแก่อุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งแหลมฉบังของไทยสามารถเป็น “ประตู” (gateway) สำหรับสินค้าของรัสเซียจากภูมิภาคตะวันออกไกลไปสู่ประเทศในอาเซียนได้ โดยบริษัท FESCO ยินดีที่จะให้ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยได้เข้าพบหลังจากนี้ และแจ้งว่าจะเดินทางมาเยี่ยมชมท่าเรือแหลมฉบังในเวลาอันใกล้นี้ พร้อมกับได้ให้รายชื่อผู้รับผิดชอบ (focal point) ของบริษัทฯ เพื่อที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทยจะได้ประสานในรายละเอียดต่อไป

ที่มา : ประชาชาติธุรกิจ

 

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Tuesday, 23 October 2018 11:29
ชุติมา ธรรมเที่ยง

Author : เกาะติดข่าวขนส่งและโลจิสติกส์ การจัดการระบบขนส่ง หรือการเคลื่อนย้ายสินค้าและบริการ ทั้งภาคพื้นดิน ทางเรือ และทางอากาศ รวมไปถึงกระบวนการจัดการและวางแผนสินค้าคงคลัง การจัดเก็บ การควบคุม และศุลกากร

Related items

Tweet Feed

Post Gallery

Taiwan Excellence โชว์โซลูชั่นระบบอัตโนมัติอัจฉริยะ ปลดล็อคศักยภาพอุตสาหกรรมไทย ในงาน Manufacturing Expo 2025

Zoomlion ฉลองครบ 10 ปีในไทย พร้อมเปิดศูนย์ครบ 10 สาขา เดินหน้าขยายบริการภาคอีสาน ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่อุบล

มันส์ติดขอบสนาม กับศึกโมโตครอส C "Thailand Motocross 2025" สนาม 6-7จะมีขึ้นที่ ซิลเวอร์ ร็อค จ.เลย ลุ้นแย่งแชมป์ มันส์ระเบิดแน่!!!

"เทระวัตต์ เอนเนอร์จี" ผนึก 4 พันธมิตรชูบริการ "ONE STOP SERVICE" จากแบรนด์ชั้นนำระดับโลก เปิดตัว ‘SigenStor’ All-in-One โซลูชันระบบผลิตพลังงานแสงอาทิตย์พร้อมแบตเตอรี่ และ AI อัจฉริยะ เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก SIGENERGY ครั้งแรกในประเทศไทย

อร่อยกับ “มาม่า” แล้วไปสนุกจัดเต็มกับคอนเสิร์ตออร์เคสตราสุดยิ่งใหญ่  “Bodyslam Power of The B-Side Concert ความฝันกับจักรวาล”

แกร็บ ผนึก กทม. หนุนนโยบายสร้างเมืองปลอดภัย  ดึง บุ๋ม ปนัดดา ปลุกพลังคนขับป้องกันภัยคุกคามทางเพศ

กลุ่มธุรกิจ TCP ผสานพลัง บีไอจี นำไนโตรเจนคาร์บอนต่ำใช้ในกระบวนการผลิตมุ่งสู่ Net Zero

finbiz by ttb แนะธุรกิจ SME นำ AI เทคโนโลยีอัจฉริยะ สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

เผยความต้องการซื้อรถยนต์มือสองตลาดภูมิภาคมีแนวโน้มเติบโต AUCT จับมือไฟแนนซ์เปิดประมูลขายทั่วประเทศไม่มีวันหยุด

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM