นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา (คนกลาง) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) 

นายชัยสิทธิ์ สัมฤทธิวณิชชา กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ดี.รับเบอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ NDR เปิดเผยว่า บริษัทฯ ได้เตรียมงบลงทุนไว้ประมาณ 30-50 ล้านบาท สำหรับพัฒนาสายการผลิตส่วนโรงงานให้เป็นระบบออโตเมชั่น เพื่อลดต้นทุนด้านแรงงานให้เหลือ 12 % จากเดิม 17% ของต้นทุนเดิม และเพิ่มขีดความสามารถในการทำกำไร โดยได้ดำเนินการติดตั้งปรับเป็นระบบออโตเมชั่นแล้วทั้งสิ้น 3 จุด ทำให้ลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 1.8 ล้านบาทต่อปี

โดยปี 2562 นี้ หากเป็นไปตามแผนการดำเนินงานที่วางไว้จะสามารถลดค่าใช้จ่ายได้ประมาณ 5-10 ล้านบาท/ปี ซึ่งจะเป็นการเพิ่มความสามารถในการทำกำไรของบริษัทฯได้ในอนาคต ซึ่งบริษัทฯ ได้เดินหน้าขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น  ส่วนตลาดมาเลเซียที่มีอยู่เดิมจะปรับให้เป็น Professional Trading ของสินค้าเกี่ยวกับมอเตอร์ไซด์ ด้วยการหาประเภทสินค้าเข้ามาเพิ่มขึ้น และขยายตลาดในประเทศเวียดนามกับอินโดนีเซีย รวมถึงลาว ซึ่งปีก่อนมีอัตราการเติบโตที่ดี โดยประเมินว่าตลาดในลาวยังมีศักยภาพเติบโตได้ดี

ซึ่งตั้งเป้าสัดส่วนรายได้ปีนี้ แบ่งเป็น ต่างประเทศ 60% และในประเทศ 40% จากปีก่อนที่มีสัดส่วนในและต่างประเทศสัดส่วนละ 50%

“ตลาดในประเทศมีการแข่งขันสูง แต่อย่างไรก็ตามเรายังมีรายได้มาจากต่างประเทศ ทำให้ช่วยลดผลกระทบและกระจายความเสี่ยงของรายได้ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้เรามีแผนการจัดโปรโมชั่นต่าง ๆ เพื่อกระตุ้นการซื้อให้เพิ่มขึ้น ทำให้เชื่อมั่นว่าผลประกอบการในปีนี้จะอยู่ในระดับที่ดี”

ล่าสุดบริษัทฯได้รับประกาศนียบัตรเครื่องหมาย มาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (มอก.) ประเภทอุตสาหกรรม “ยางล้อแบบสูบลมสำหรับรถจักรยานยนต์และโมเปด” จากสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวมีความสำคัญอย่างมาก เพราะสะท้อนถึงความน่าเชื่อถือของบริษัท และผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ ND Rubber

นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มโอกาสทางการค้าและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตสินค้าสร้างความมั่นใจให้ผู้บริโภคได้ใช้สินค้าที่มีคุณภาพและปลอดภัยในการนำไปใช้งานได้ดียิ่งขึ้น ซึ่งจากจุดแข็งของมาตรฐานสินค้านั้นเชื่อว่าจะเป็นแรงสนับสนุนให้ยอดขายของบริษัทฯเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

ทั้งนี้ การที่ภาครัฐประกาศให้ยางรถจักรยานยนต์เป็นมาตรฐานบังคับ นั่นแสดงให้เห็นว่ายางล้อมีความสำคัญต่อความปลอดภัยของผู้ขับขี่ และการที่บริษัทฯได้รับมาตรฐานย่อมแสดงว่าสินค้าของ NDR มีคุณภาพในระดับมาตรฐานที่ดี โรงงานจะต้องได้รับการรับรองทั้งมาตรฐานระบบการผลิต และมีการทดสอบสินค้าว่าสามารถวิ่งได้ตามความเร็วและน้ำหนักที่ระบุไว้บนสินค้าได้ รวมถึงขนาดของยางก็ต้องเป็นไปตามมาตรฐานด้วย

“ถึงแม้เราจะเป็นการทำธุรกิจแต่สิ่งสำคัญกว่าผลกำไรคือความรับผิดชอบต่อทุกๆคนที่เกี่ยวข้องกับเราไม่ว่าจะเป็นพนักงาน ผู้ถือหุ้นและรวมถึงผู้บริโภคที่ใช้สินค้าของเรา เราจึงให้ความสำคัญกับเรื่องของมาตรฐานสินค้าเป็นอย่างยิ่ง ว่าผู้บริโภคที่ใช้สินค้าเราจะได้สินค้าที่ดีมีมาตรฐานและปลอดภัย อย่างน้อยที่สุดเบื้องต้นผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าที่มีมาตรฐานโดยการดูจากเครื่องหมายมอก. แต่ทั้งนี้ต้องฝากภาครัฐให้เข้มงวดและช่วยดูแลไม่ให้มีสินค้าที่ต่ำกว่ามาตรฐานแต่แอบอ้างแสดงเครื่องหมายมอก.เพื่อหลอกผู้บริโภค” นายชัยสิทธิ์ กล่าวทิ้งท้าย