ชูยุทธศาสตร์การวางเป้าหมายแบรนด์และการยกระดับแบรนด์ เน้นการพัฒนาธุรกิจเชิงคุณภาพทั้งด้านการขายและการบริการ มุ่งมั่นพัฒนาสร้างประสบการณ์ที่ดีกับลูกค้าตลอดการถือครอง รวมทั้งการสร้างแบรนด์อย่างมีสไตล์ เพื่อรองรับรถยนต์รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวแนะในอนาคตอันใกล้นี้
นายชาญชัย ตระการอุดมสุข ประธานบริหาร บริษัท มาสด้า เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ตัวเลขยอดขายเมื่อปิดไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ ตลาดรถยนต์ในเซ็กเม้นต์หลักทั้งตลาดรถปิกอัพ ตลาดรถยนต์นั่ง รถอเนกประสงค์ และตลาดรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มีการเติบโตเพิ่มขึ้นมาโดยตลอดตั้งแต่ไตรมาสแรก เพิ่มขึ้น 13% ไตรมาสที่สองเพิ่มขึ้นอีก 26% ส่วนไตรมาสที่สามยังเพิ่มขึ้นอีก 22% ซึ่งถือเป็นแนวโน้มที่ดีที่
จะส่งผลให้ไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ยอดรวมทั้งตลาดคาดว่าจะทะลุเกิน 1 ล้านคัน ซึ่งมาสด้ายังยืนยันเป้าหมายตัวเลขยอดขายอยู่ที่ 65,000 คัน ในปีนี้ หรือเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 26% จากยอดขายรวมเมื่อปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 51,755 คัน
ยอดขายรถยนต์มาสด้ายังคงความร้อนแรงต่อเนื่องปิดตัวเลขประจำไตรมาสที่3 มียอดขายสะสมพุ่งสูงถึง 51,755 คัน เติบโตเพิ่มขึ้น 41% เมื่อเปรียบเทียบกับยอดขายช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะรถยนต์นั่งมาสด้า2 ยังคงครองอันดับหนึ่งของรถยนต์นั่งขนาดเล็ก มียอดขายสะสมสูงถึง 33,939 คัน เติบโตเพิ่มขึ้นถึง 51% ตามมาด้วยรถอเนกประสงค์ครอสโอเวอร์เอสยูวี ซีเอ็กซ์-5 ที่กระแสความนิยมยังพุ่งอย่างต่อเนื่อง มียอดขายสูงถึง 6,265 คัน เติบโตถึง 116% ตามมาด้วยรถปิกอัพมาสด้า บีที-50 โปร ที่เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง มียอดขายสูงถึง 5,154 คัน เพิ่มขึ้น 17% และรถยนต์นั่งมาสด้า3 ที่ยังคงสร้างความเชื่อมั่นมาโดยตลอด มียอดขายสูงถึง 3,974 คัน เพิ่มขึ้น 5% ส่วนมาสด้า ซีเอ็กซ์-3 ที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆ นี้ เริ่มได้รับความนิยมสูงขึ้นเช่นเดียวกัน มียอดขายสะสมถึง 2,407 คัน ลดลง 19% ส่วนรถสปอร์ตโรดสเตอร์เปิดประทุน 2 ที่นั่ง ซึ่งถือเป็นแบรนด์ไอคอนของมาสด้า มียอดขายสะสมถึง 16 คัน
ในวันเดียวกันนี้ มาสด้ายังเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจรถยนต์ในประเทศไทย ด้วยการจัดประชุมผู้จำหน่ายจาก 136 โชว์รูมทั่วประเทศ เพื่อประกาศ 4 ยุทธศาสตร์หลักสำคัญ เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นพรีเมี่ยมแบรนด์แบบยั่งยืน หลังจากที่เร่งดำเนินการปรับปรุงภาพลักษณ์ของโชว์ทั่วประเทศ ซึ่งปัจจุบันแล้วเสร็จไปกว่า 90% และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้งหมดภายในปี 2562 ดังนั้นเพื่อให้ผู้จำหน่ายยึดหลักปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันตามปรัชญา "ONE MAZDA" มาสด้าได้วางกลยุทธ์สำคัญ 4 ประการ ประกอบด้วย การกำหนดยุทธ์ศาสตร์ของแบรนด์เพื่อให้มาสด้าก้าวขึ้นสู่แบรนด์ในระดับพรีเมียม ประการที่สอง คือ เน้นย้ำเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจในเชิงคุณภาพทั้งด้านการขายควบคู่ไปกับงานบริการหลังการขาย ประการที่สาม คือ การเอาใจใส่ดูแลลูกค้าให้เกินความคาดหวังให้ตลอดระยะเวลาที่ครอบครองรถเพื่อให้เกิดการซื้อซ้ำ สุดท้ายคือการมุ่งมั่นสร้างแบรนด์อย่างสไลด์ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของมาสด้า
นอกจากจะประสบความสำเร็จในตลาดประเทศไทยแล้ว ในเวทีระดับโลก มาสด้า เซลส์ ประเทศไทย ยังได้รับการยกย่อง เป็นต้นแบบของการดำเนินธุรกิจ และถือเป็นหนึ่งในตลาดหลักสำคัญของ มาสด้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เนื่องจากได้สร้างความแข็งแกร่งต่อธุรกิจและสร้างสถิติใหม่ไว้มากมาย อาทิ ครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตของยอดขายสองปีซ้อน หรือมีการเติบโตเพิ่มสูงถึง 42% รวมถึงครองอันดับ 1 ด้านการเติบโตในส่วนของแบ่งการตลาดสองปีซ้อน และเป็นอันดับ 2 ด้านส่วนแบ่งการตลาด คิดเป็น 7% รองจากประเทศออสเตรเลีย และอยู่ในอันดับ 6 ของโลกของปริมาณยอดขาย รองจาก สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และแคนาดา