ได้แก่ มหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี มหาวิทยาลัยกรุงเทพ (2 ทีม) มหาวิทยาลัยมหาสารคาม มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาวิทยาลัยศิลปากร และมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ซึ่งทั้ง 8 ทีมได้เข้าร่วมเวิร์กช้อปกับ บอล วิทยา ทองอยู่ยง ผู้กำกับชื่อดัง พร้อมด้วยผู้กำกับและบุคคลในแวดวงภาพยนตร์ ได้แก่ อมราพร แผ่นดินทอง นักเขียนบทระดับแถวหน้า และชัยพฤกษ์ เฉลิมพรพานิช อีกผู้กำกับหนังรุ่นใหม่ของวงการ ที่มาร่วมส่งต่อความรู้และประสบการณ์ให้กับเยาวชนที่ผ่านเข้ารอบ เพื่อให้เข้าใจกระบวนการทำงานในด้านภาพยนตร์ พร้อมหลักคิดในการทำหนังตั้งแต่การวางโครงเรื่อง การเขียนบท ไปจนถึงการถ่ายทำ ซึ่งเป็นองค์ความรู้ที่มีคุณค่าซึ่งถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ 

 

 

โครงการประกวดหนังสั้น "ความรู้สร้างคน พลังงานสร้างชาติ" เนื่องในโอกาสครบรอบ 25 ปี แหล่งก๊าซธรรมชาติบงกช ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ คุณนาถฤดี โฆสิตาภัย รักษาการ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการองค์กรและกำกับการปฏิบัติตามนโยบาย ปตท.สผ. คุณสมพัฒน์ ทฤษฎิคุณ ประธานกรรมการบริหารฝ่ายสร้างสรรค์ เดอะ ลีโอ เบอร์เนทท์ กรุ๊ป ประเทศไทย คุณวิทยา ทองอยู่ยง ผู้กำกับภาพยนตร์ คุณพงศ์ไพบูลย์ สิทธิคู ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณา และผู้ก่อตั้งบริษัทผลิตภาพยนตร์โฆษณา The Film Factory Co., Ltd. โดยผลการตัดสินชนะเลิศตกเป็นของภาพยนตร์สั้นเรื่อง 24 Store โดยทีม Squarepix Studio จากโดยน้องๆ จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ประสานมิตร มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ครองแชมป์ร่วมกับผลงานภาพยนตร์สั้นเรื่อง เบื้องหลังอนาคต โดยทีม Wagyu De Film มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ภาพยนตร์สั้นเรื่อง นิทานของผู้กล้า โดยทีม R3710 จาก มหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยไม่มีผู้ได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 นอกจากนี้ ภาพยนตร์สั้นเรื่อง 24 Store โดยทีม Squarepix Studio ยังคว้ารางวัลป๊อปปูล่าโหวตไปครองอีกด้วย

 

 

แอนท์ หรือ นางสาวชุติกาญจน์ พานิชวัฒนาเจริญ จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ หนึ่งในสมาชิกทีม Squarepix Studio ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศพ่วงด้วยป๊อปปูล่าโหวต เธอทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ของทีม เล่าถึงประสบการณ์จากโครงการนี้ว่า "ตอนคิดพลอตเรื่อง เราเปลี่ยนกันเยอะมาก แม้ก่อนวันถ่ายเพียงแปดชั่วโมงก็ยังมีการปรับเปลี่ยนกันอยู่ เพื่อให้หนังออกมาดีที่สุด โปรดักชั่นก็ค่อนข้างท้าทาย มีพร็อพ อุปกรณ์และเวลาที่ค่อนข้างจำกัด โจทย์ที่ยากอย่างหนึ่งจะจัดร้านสะดวกซื้อเก่าๆ อย่างไรให้ออกมาสวย ให้มันดูไฮโปรดักชั่น ซึ่งมีเวลาเซ็ทอัพรวมถ่ายทำเพียงคืนเดียว ก็เป็นการฝึกการทำงานภายใต้ข้อจำกัดและแรงกดดันได้เป็นอย่างดี"

 

 

ขณะที่ โบ๊ต หรือ นายคณิน นาคศรี จากคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ ผู้กำกับจากทีม Wagyu De Film ที่คว้าแชมป์ร่วม กล่าวว่า การได้มาร่วมโครงการนี้ทำให้ได้เรียนรู้วิธีการคิดงาน เพื่อถ่ายทอดประเด็นที่เป็นความรู้และประเด็นเชิงสังคม ส่วนตัวมีความสนใจประเด็นเหล่านี้และอยากนำเสนอผ่านหนัง โดยเฉพาะเรื่องคุณภาพชีวิตและความแตกต่างเหลื่อมล้ำทางสังคม ประสบการณ์จากคนในวงการภาพยนตร์ที่มาสอนและให้คำแนะนำจึงมีประโยชน์เป็นอย่างยิ่ง

 

 

นางนาถฤดี โฆสิตาภัย รักษาการรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานกิจการองค์กรและกำกับการปฏิบัติตามนโยบาย กล่าวว่า "โครงการนี้เปิดโอกาสให้น้องๆ นิสิตนักศึกษาได้เรียนรู้เรื่องการทำหนังจาก มืออาชีพในวงการ ซึ่งถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ได้หากันได้ง่ายๆ นอกจากนี้ น้องๆ ยังได้รู้ถึงความสำคัญของการสำรวจ พัฒนา และผลิตปิโตรเลียม รวมทั้งความสำคัญของแหล่งพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งแหล่งบงกช ซึ่งเป็นแหล่งก๊าซธรรมชาติแหล่งแรกที่ดำเนินการโดยคนไทย และเป็นจุดเริ่มต้นในการพึ่งพาตนเองด้านพลังงานของคนไทย ซึ่งเรามีความสามารถดำเนินการได้เทียบเท่าบริษัทน้ำมันต่างชาติ ปตท.สผ. ขอชื่นชมความตั้งใจและความสามารถของน้อง ๆ ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ในแง่มุมต่าง ๆ ออกมาได้อย่างน่าสนใจ" 

 

 

ด้านนายวิทยา ทองอยู่ยง หรือ บอล ผู้กำกับภาพยนตร์ชื่อดัง เจ้าของไอเดียโจทย์การประกวดและเมนเทอร์คนสำคัญของโครงการที่คอยโค้ชให้น้อง ๆ ฉายศักยภาพออกมาได้อย่างโดดเด่น กล่าวว่า "ตอนที่ผมเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการนี้ ผมเพิ่งรู้ว่าคนไทยเราสามารถสำรวจและผลิตพลังงานให้คนไทยด้วยกันได้ใช้ ประเทศเรามีความมั่นคงทางพลังงานได้ และหลังจากที่ได้มีการเวิร์คช้อป ให้คำแนะนำ และถ่ายทอดความรู้ให้กับน้องๆ

 

 

ให้สามารถสร้างหนังสั้นที่สื่อถึงภารกิจของคนไทยกลุ่มนี้ได้ ค่อนข้างชัดเจน สิ่งที่เห็นคือน้อง ๆ แต่ละคนดึงความถนัดของตัวเอง เข้ามาสร้างให้เกิดความหลากหลายในทีม จนสามารถช่วยกันถ่ายทอดเรื่องราวออกมาเป็นหนังสั้นได้อย่างน่าประทับใจ สิ่งสำคัญที่อยากฝากน้องๆ คือให้หมั่นเติมความรู้ ให้มีความรอบรู้ในสิ่งต่างๆ รอบตัว และลงมือทำงาน เพราะการทำงานจริงจะช่วยให้เกิดความชำนาญ และที่สำคัญที่สุดคือจะช่วยให้น้องๆ ค้นหาตัวตนและเห็นสไตล์ตัวเองได้ชัดขึ้น"