Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha
Nawakanchai-Metals & Mining-Strip-Head

RT โชว์ Backlog กว่า 8,500 ล้านบาท เฮรับโครงการทางรถไฟเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ

บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) แย้มงานในมือก้าวสู่เป้าหมาย กว่า 8,500 ล้านบาท มุ่งเน้นกลยุทธ์บริหารโครงการก่อสร้าง ควบคู่จัดการต้นทุนวัสดุ-แรงงานก่อสร้าง เร่งเดินหน้าประมูลงานโครงการภาครัฐและเอกชน พร้อมออกหุ้นกู้ฯ เพื่อใช้ลงทุนในโครงการใหม่ 

 RT ให้ข้อมูลแก่สื่อมวลชนและนักลงทุนในงาน Oppday Q2/2022 ออนไลน์

นายชวลิต ถนอมถิ่น (กลาง) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ RT ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านวิศวกรรมโยธาและธรณีเทคนิค เปิดเผย ว่า ท่ามกลางสถานการณ์วิกฤติซ้อนวิกฤติของภาคอุตสาหกรรมก่อสร้างที่ส่งผลยาวนานจนถึงปัจจุบัน บริษัทฯได้มุ่งมั่นดำเนินงานโครงการให้มีความรวดเร็ว เพื่อสามารถส่งมอบงานตามกำหนดเวลาอย่างมีมาตรฐาน ควบคู่กับการปรับกลยุทธ์จัดการต้นทุนก่อสร้าง รวมถึงติดตามสถานการณ์และประเมินแผนการใช้วัสดุก่อสร้างเป็นระยะ รวมถึงการเจรจากับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อวางแผนจัดซื้อวัสดุก่อสร้างล่วงหน้า ซึ่งส่งผลให้บริษัทสามารถควบคุมต้นทุนการก่อสร้างได้ดีขึ้น โดยล่าสุดบริษัทฯมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ 4,782 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้แบ่งตามประเภทงาน ประกอบด้วย งานก่อสร้างอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดิน 42.73%, งานก่อสร้างเขื่อนและระบบชลประทาน 32.52%, งานก่อสร้างท่อลอดใต้ดินวิธีดันท่อและวิธีเจาะและดึงท่อ 14.92%, และ งานอื่น ๆ 9.83% อาทิ งานก่อสร้างถนน, งานเจาะสำรวจธรณีวิทยา และงาน Slope Protection เป็นต้น

งานอุโมงค์และชาร์ป เขื่อนเดือนตรี กัมพูชา แล้วเสร็จแล้วกว่า 91.24%

สำหรับทิศทางการดำเนินงานครึ่งปีหลัง 2565 คาดว่ามีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากปัจจัยที่เป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และ สงครามรัสเซีย-ยูเครน ที่มีผลต่อการดำเนินงานเริ่มมีแนวโน้มคลี่คลาย อาทิ ราคาวัสดุก่อสร้างและน้ำมันปรับตัวลดลง แรงงานก่อสร้างเริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ ส่งผลให้โครงการก่อสร้างเริ่มกลับมาดำเนินงานได้ตามแผนที่วางไว้ และทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเฝ้าระวังปัจจัยเสี่ยงของธุรกิจอย่างใกล้ชิดพร้อมทั้งปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ และมุ่งเน้นการบริหารจัดการแรงงานก่อสร้างทั้งไทยและต่างชาติ ทั้งด้านขั้นตอนการดำเนินงานในไซต์ก่อสร้าง ด้านปริมาณและการขนย้ายแรงงาน เพื่อรองรับงานโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

บริษัทได้ผ่านช่วงต่ำสุดของธุรกิจมาแล้ว เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดี จากงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา

ขณะเดียวกัน บริษัทมีแผนการเข้าประมูลงานทั้งงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังจะเปิดการประมูลในช่วงครึ่งปีหลัง 2565 และงานก่อสร้างที่ต่อยอดจากการเป็นผู้รับเหมาช่วง (Subcontract) อาทิ งานประเภทอุโมงค์, งานประเภทเขื่อน และ ระบบชลประทาน, งานท่อร้อยสายไฟฟ้าใต้ดิน, งานก่อสร้าง Slope Protection รวมถึงโครงการก่อสร้างภาคเอกชน เพื่อเพิ่มโอกาสการเข้ารับงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง โดยมุ่งเน้นงานที่มีมาร์จิ้นสูงเนื่องจากเป็นงานที่ต้องอาศัยความรู้ความสามารถจากบริษัทที่มีประสบการณ์และความชำนาญพิเศษ รวมถึงยังมีโครงการที่อยู่ระหว่างเจรจาเพื่อเข้ารับงานประเภทโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 4/2565 และจะเริ่มรับรู้รายได้จากงานดังกล่าวในปี 2566 อีกด้วย

“บริษัทได้ผ่านช่วงต่ำสุดของธุรกิจมาแล้ว เชื่อว่าการดำเนินธุรกิจครึ่งปีหลังจะมีแนวโน้มที่ดี จากงานที่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะงานโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของภาครัฐที่กำลังอยู่ระหว่างการเจรจา คาดว่าจะมีความชัดเจนในช่วงไตรมาส 3/2565 นอกจากนี้ ยังมีงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่อีกหลายงานที่กำลังจะเปิดการประมูล มั่นใจว่าด้วยศักยภาพของบริษัทจะส่งผลให้สามารถเข้าประมูลและรับงานดังกล่าวได้ โดยคาดว่างานต่าง ๆ ที่ได้รับจะทำให้บริษัทมีมูลค่างานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ทั้งหมดในปีนี้ อยู่ที่ 8,500 ล้าน โดยทยอยรับรู้รายได้ถึงปี 2567 ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม

สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2/65 ที่ผ่านมาบริษัทฯมีรายได้รวม 588.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อนที่มีรายได้รวม 503.69 ล้านบาท จำนวน 84.7 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 16.82% และมีกำไรสุทธิ 0.21 ล้านบาท จากไตรมาสก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 25.31 ล้านบาท จำนวน 25.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 100.85% ขณะที่ทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 3/65 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการมุ่งเน้นขยายประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการ ทั้งงานก่อสร้างที่อยู่ในแผนและงานที่กำลังจะเข้ามา เพื่อส่งมอบงานได้เร็วขึ้น โดยทิศทางการดำเนินงานไตรมาส 3/65 บริษัทคาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น จากการมุ่งเน้นขยายประสิทธิภาพการบริหารจัดการโครงการ ทั้งงานก่อสร้างที่อยู่ในแผนและงานที่กำลังจะเข้ามา เพื่อส่งมอบงานได้เร็วขึ้นและสร้างการรับรู้รายได้ต่อเนื่อง

ทั้งนี้ บริษัทลงพื้นที่ติดตามงานก่อสร้างอย่างใกล้ชิด พร้อมบริหารจัดการต้นทุนเพื่อรักษาอัตราการทำกำไร โดยเพิ่มปริมาณเครื่องจักรในพื้นที่ไซต์งานให้เพียงพอ และ จัดการแรงงานก่อสร้างที่กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติด้วยความร่วมมือระหว่างบริษัทและพันธมิตร โดยมีแผนการเพิ่มแรงงาน 30% จากจำนวนแรงงานทั้งหมดของบริษัท ซึ่งปัจจุบันมีการนำเข้ามาแล้ว 10% และจะทยอยนำเข้าให้ครบจำนวนภายในไตรมาส 3/65 เพื่อรองรับการขยายตัวของงานก่อสร้างครอบคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัดทั้งหมด 25 โครงการ  อีกทั้งบริษัทฯ เข้ารับงานใหม่จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ งานก่อสร้างอุโมงค์รถไฟ ช่วงเด่นชัย-งาว โครงการก่อสร้างทางรถไฟทางคู่ สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ สัญญาที่ 1 มูลค่า 2,281.26 ล้านบาท และ โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน โครงการตามแนวรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ถนนเพชรบุรี มูลค่า 556.5 ล้านบาท รวมมูลค่างานก่อสร้างทั้งหมดที่ได้รับจำนวน 2,837.76 ล้านบาท

ด้านผลประกอบการครึ่งปีแรก 2565 บริษัทมีรายได้รวม 1,091.18 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,334.98 ล้านบาท และมีขาดทุนสุทธิ 25.10 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 44.52 ล้านบาท  ทั้งนี้จากการปรับตัวของรายได้และกำไรที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน มาจากการจัดการต้นทุนวัสดุก่อสร้าง อาทิ เหล็ก,น้ำมัน อีกทั้งการผ่อนคลายมาตรการปิดแคมป์ก่อสร้างในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้การจัดการต้นทุนด้านการดูแลแรงงานที่ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มดีขึ้น ทำให้สามารถบริหารงานก่อสร้างและการส่งมอบงาน รวมถึงการรับรู้รายได้จากโครงการต่าง ๆ เร็วขึ้น ขณะที่ บริษัทมีรายได้และกำไรปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน เป็นผลจากการระบาดของโควิด-19 ต่อเนื่องจากปี  2564 ที่ผ่านมา

สำหรับทิศทางธุรกิจในช่วงไตรมาส 3/2565 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการส่งมอบงานเพิ่มขึ้น โดยพัฒนาประสิทธิภาพการบริหารโครงการ พร้อมทั้งการจัดการแรงงานก่อสร้างที่เริ่มกลับมาทำงานได้ตามปกติ ประกอบกับบริษัทมีความร่วมมือกับบริษัทพันธมิตรเพื่อจัดหาแรงงานเพิ่มเติมในไซต์งานโครงการก่อสร้างใหม่ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ซึ่งจะมีความชัดเจนและพร้อมเดินทางเข้าพื้นที่ในช่วงเดือนสิงหาคม และจะสามารถดำเนินงานก่อสร้างได้ตามแผนที่วางไว้ อีกทั้งปัจจัยสนับสนุนด้านราคาต้นทุนวัสดุมีแนวโน้มปรับตัวลดลง จึงคาดว่าจะทำให้บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทเตรียมเสนอขายหุ้นกู้ระยะยาว ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนวันครบกำหนดหุ้นกู้ จำนวน 2 ชุด ได้แก่ หุ้นกู้ไม่มีประกันของบริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2569 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” (“หุ้นกู้ชุดที่ 1”) มีอายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 5.25 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้

และ หุ้นกู้ไม่มีประกันของ บริษัท ไร้ท์ทันเน็ลลิ่ง จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน” (“หุ้นกู้ชุดที่ 2”) มีอายุ 5 ปี อัตราดอกเบี้ยคงที่ ร้อยละ 5.75 ต่อปี จ่ายดอกเบี้ยทุก 3 เดือน ตลอดอายุหุ้นกู้ โดยหุ้นกู้ทั้ง 2 ชุดเสนอขายรวมกันเป็นมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท โดยมีวัตถุประสงค์การใช้เงินเพื่อเป็นเงินลงทุนในโครงการก่อสร้างใหม่ที่บริษัทมีการเข้าประมูลและรับงานอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งเป็นเงินทุนหมุนเวียนของกิจการและโครงการก่อสร้าง และการชำระเงินกู้กับสถาบันทางการเงิน

ด้านนายสุริยา ธรรมธีระ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า บริษัทมองเห็นถึงศักยภาพและการเติบโตของ RT ที่กำลังเตรียมความพร้อมเข้ารับงานอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกลุ่มลูกค้าของ RT เป็นกลุ่มลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนขนาดใหญ่ที่มีความมั่นคง อีกทั้ง RT ยังได้รับการจัดอันดับจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ด้วยเรทติ้ง ‘BBB-’ แนวโน้มอันดับเครดิต ‘Stable’ หรือ ‘คงที่’ ซึ่งแสดงถึงความน่าเชื่อถือของธุรกิจ รวมถึงการเป็นผู้นำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างเฉพาะทาง มีความสามารถในการแข่งขันที่แข็งแกร่ง รวมถึงผลงานอุโมงค์และโครงสร้างใต้ดินที่ได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนมาโดยตลอด จึงทำให้หุ้นกู้ของ RT เป็นผลิตภัณฑ์การลงทุนที่มีความน่าสนใจ ทั้งอัตราดอกเบี้ยและการจ่ายดอกเบี้ย และเป็นตัวเลือกที่ดีเมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์การลงทุนอื่น ๆ

“ด้วยกลยุทธ์การดำเนินงานที่ปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ธุรกิจในไตรมาสนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม บริษัทเชื่อว่าอุตสาหกรรมได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และคาดว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่กระทบกับต้นทุนมีแนวโน้มคลี่คลาย ประกอบกับแรงงานก่อสร้างที่กำลังจะกลับมา จึงมีความมั่นใจว่าบริษัทจะสามารถดำเนินงานก่อสร้างได้เร็วขึ้น นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนส่งมอบงานบางโครงการเพื่อเพิ่มการรับรู้รายได้ของบริษัทอีกด้วย” นายชวลิต กล่าวเพิ่มเติม



รับข่าวสารก่อนใคร ฉับใวถึงมือคุณ
เพิ่มเราเป็นเพื่อน แอดไลน์ @610nusdc
เพิ่มเพื่อน

Rate this item
(1 Vote)
Last modified on Friday, 07 October 2022 05:39
พาณิชย์ ชินนาค

Author : เกาะติดข่าววงการก่อสร้าง แวดวงอุตสาหกรรมหนัก เคมีภัณฑ์และพลาสติก การกลั่นน้ำมัน โรงเหล็ก การทำเหมือง การสร้างเขื่อน สนามบิน ทางรถไฟ ถนน อ่างเก็บน้ำ ระบบชลประทาน ฯลฯ

Latest from พาณิชย์ ชินนาค

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

Zoomlion ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์งานเหมืองครบวงจร ชูการบริการหลังการขายที่เข้าใจลูกค้ายิ่งกว่าเดิม

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM