ตลาดรับสร้างบ้าน Q3 กำลังซื้อซบเซากว่าปีก่อน ต้นเหตุเกิดจากพายุฝนถล่ม ภัยธรรมชาติ แถมงานก่อสร้างหยุดชะงัก ด้าน พีดีเฮ้าส์ พลิกเกมส์สู้ภัยธรมชาติ หันจับมือพันธมิตรธุรกิจ รุกขยายโรงงานผลิตโครงสร้างสำเร็จรูประบบมัลติจ๊อยท์ล็อคซีสเต็มส์ ชูจุดเด่น ไม่กลัวฝน ก่อสร้างรวดเร็ว แม่นยำ แข็งแรง อายุการใช้งานยาวนาน ตั้งเป้ากวาดลูกค้ากลุ่มพรีเมี่ยมทั้งคนไทยและต่างชาติ พร้อมอัดโปรโมชั่นลดราคาสูงสุด 10% สำหรับลูกค้าที่สร้างบ้านในภาคอีสาน
นายพิศาล ธรรมวิเศษ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พีดี เฮ้าส์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด เจ้าของสิทธิ์แฟรนไชส์รับสร้างบ้านรายแรกของประเทศไทย หรือศูนย์รับสร้างบ้านพีดีเฮ้าส์ กล่าวว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้มีปริมาณน้ำฝนตกลงมาอย่างหนักจนเกิดปัญหาน้ำท่วมขังในหลาย ๆ พื้นที่ของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ ขณะเดียวกันในบางพื้นที่ก็เกิดปัญหาดินโคลนถล่ม ซึ่งส่งผลให้บ้านเรือนเสียหายและประชาชนได้รับความเดือดร้อน ทั้งนี้จากสถานการณ์ฝนที่ยังคงตกต่อเนื่อง นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมมาจนถึงปัจจุบัน ได้ส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการรับสร้างบ้านพอสมควร เพราะนอกจากงานก่อสร้างที่ต้องหยุดชะงักแล้ว ยังพบว่ากำลังซื้อและการตัดสินใจลงทุนสร้างบ้านหลังใหม่ของผู้บริโภค ในช่วงไตรมาส 3 นี้ก็ซบเซาด้วยเช่นกัน
“ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปี (เดือนกค.-กย.) บรรดาผู้ประกอบการรับสร้างบ้านจะมีการแข่งขันและจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายกันอย่างคึกคัก เพื่อต้องการกระตุ้นและเร่งการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย โดยในปีที่ผ่านมาผู้ประกอบการชั้นนำต่างก็เคลมกันว่า ประสบความสำเร็จและมียอดจองสร้างบ้านเป็นไปตามเป้าที่ตั้งไว้ ซึ่งในปีนี้ก็มีการจัดกิจกรรมการตลาดเช่นเดียวกับทุก ๆ ปี หากแต่ดูเหมือนว่าผลลัพธ์หรือผลสำเร็จจะไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์กันไว้ ปัจจัยสำคัญประการหนึ่งประเมินว่าได้รับผลกระทบจากปัญหาฝนที่ตกหนักต่อเนื่องและภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้น สังเกตได้จากกิจกรรมการตลาดที่บรรดาผู้ประกอบการรวมตัวกันจัดขึ้น ในรูปแบบอีเวนท์ออนไลน์และออฟไลน์ได้รับความสนใจจากผู้บริโภคน้อยกว่าทุก ๆ ปี ซึ่งสะท้อนได้ว่าผู้บริโภคไม่พร้อมและไม่มีอารมณ์จะสนใจหรือตัดสินใจสร้างบ้านในช่วงนี้ นอกจากนี้ บรรดาผู้ประกอบการที่ก่อสร้างบ้านด้วยวิธีเดิม ๆ หรือที่เรียกกันว่าโครงสร้างหล่อในที่ ต่างก็ได้รับผลกระทบและประสบปัญหางานก่อสร้างล่าช้า”
สำหรับระบบการก่อสร้างบ้านของ พีดีเฮ้าส์ นั้นเลือกใช้โครงสร้างเสา-คานสำเร็จรูป หรือที่เรียกว่า ระบบมัลติจ๊อยท์ล็อคซีสเต็มส์ (Multi joint-lock system) เรียกย่อ ๆ ว่า ระบบเอ็มแอลเอสซีสเต็มส์ ถูกออกแบบและพัฒนาโดยทีมวิศวกร ผลิตจากโรงงานที่มีมาตรฐานสูง ซึ่งเป็นพันธมิตรธุรกิจผู้เชี่ยวชาญของพีดีเฮ้าส์ ก่อนจะนำมาติดตั้งที่ไซต์งานก่อสร้าง
"โดยระบบนี้ไม่ต้องอาศัยการยึดต่อระหว่างเสาและคานด้วยวิธีเชื่อมไฟฟ้า เหมือนโครงสร้างสำเร็จรูปทั่ว ๆ ไป แต่วิศวกรออกแบบให้ยึดต่อกัน ระหว่างเสาและคานด้วยซ็อคเก็ต (Socket) ใช้โบ๊วและน๊อตยึดต่อระหว่างเสากับฐานรากเข้าด้วยกัน เมื่อนำมาประกอบและติดตั้งจึงมีความแม่นยำ และถูกต้องตามวิศวกรผู้ออกแบบ ทั้งในเรื่องระยะ ระดับ มุม และแนวดิ่งของโครงสร้าง ซึ่งเหนือกว่าโครงสร้างหล่อในที่หรือโครงสร้างสำเร็จรูปแบบเดิม ๆ ที่สำคัญคือ ก่อสร้างได้รวดเร็ว สามารถทำงานได้ตามปกติ แม้ขณะก่อสร้างจะมีฝนตกลงมาก็ตาม มีความปลอดภัยเนื่องจากมิได้ใช้เครื่องมือหรืออุปกรณ์ไฟฟ้า ขณะติดตั้งโครงสร้างเสา-คานสำเร็จรูประบบมัลติจ๊อยท์ล็อคซีสเต็มส์" นายพิศาล กล่าว
ด้าน นางสาวถิรพร สุวรรณสุต ผู้จัดการฝ่ายการตลาด เปิดเผยว่า แนวคิดทางการตลาดตามที่บริษัทฯ มีการนำระบบโครงสร้างเสา-คานสำเร็จรูประบบมัลติจ๊อยท์ล็อคซีสเต็มส์ มาใช้ในการสร้างบ้านของลูกค้านั้น ก็เพราะต้องการจะนำเสนอความแตกต่าง เพื่อเป็นทางเลือกของผู้บริโภคที่เน้นคุณภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน ซึ่งการหันมาเลือกใช้เทคโนโลยีก่อสร้างและการผลิตจากโรงงาน ก็เพราะต้องการตอบโจทย์ผู้บริโภค และเพิ่มขีดความสามารถเพื่อส่งมอบคุณภาพบ้านที่ดียิ่งขึ้นให้แก่ลูกค้าของพีดีเฮ้าส์ทุกราย แม้ว่าที่ผ่านมา บริษัทฯ จะเสียเปรียบคู่แข่งด้วยเพราะว่ามีต้นทุนการผลิตและค่าขนส่งที่สูงกว่า โดยเฉพาะบ้านที่ก่อสร้างในพื้นที่ต่างจังหวัด อย่างไรก็ตาม ลูกค้าก็ยังเชื่อมั่นและให้การตอบรับด้วยดีเสมอมา พีดีเฮ้าส์จึงมีการขยายสาขาต่างจังหวัดมากที่สุดในปัจจุบัน เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่น ๆ ในธุรกิจรับสร้างบ้าน
จากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านเอง พบว่าจำนวนผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมายของพีดีเฮ้าส์ ที่มีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ (จากประเทศในแถบยุโรป เช่น สวีเดน ออสเตรีย สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฯลฯ) โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่แต่งงานกับหญิงไทยนั้น สนใจและต้องการจะสร้างบ้านในพื้นที่จังหวัดภาคอีสานมากที่สุด ซึ่งบริษัทฯ เองก็มีสาขาให้บริการรับสร้างบ้านในภาคอีสานถึง 7 แห่งด้วยกัน ครอบคลุมพื้นที่เกือบ 20 จังหวัด ดังนั้นจึงทำให้บริษัทฯ ต้องมีการปรับตัว เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าในพื้นที่ให้ได้มากที่สุด ล่าสุด บริษัทฯ ร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจในการขยายฐานการผลิตหรือโรงงานผลิต โครงสร้างสำเร็จรูประบบมัลติจ๊อยท์ล็อคซีสเต็มส์ มาตั้งอยู่ในพื้นที่ภาคอีสาน เพื่อลดต้นทุนค่าขนส่งและจะส่งผลไปถึงราคาขายบ้านที่จะปรับลดลงตามกัน โดยโรงงานผลิตแห่งใหม่จะเริ่มเดินเครื่องการผลิตตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 นี้เป็นต้นไป
สำหรับ กิจกรรมการตลาดและส่งเสริมการขายในช่วงไตรมาส 3 นี้ โดยเฉพาะผู้บริโภคที่ต้องการสร้างบ้านในพื้นที่ภาคอีสานกับ 5 แบบบ้านสวย (ตามที่สาขาในพื้นที่กำหนด) จะได้รับโปรโมชั่นราคาส่วนลดสูงสุด 10% จากราคาปกติ อาทิเช่น สาขาขอนแก่น มอบส่วนลดราคาพิเศษ แบบบ้าน ME-148 จากราคาปกติ 11,469,000 บาท ลดเหลือเพียง 10,278,000 บาท หรือ แบบบ้าน WA-122 ราคาปกติ 2,323,000 บาท ลดเหลือเพียง 2,114,000 บาท ฯลฯ เป็นต้น โดยโปรฯ นี้เฉพาะลูกค้าที่จอง 3 หลังแรกของสาขาเท่านั้น นางสาวถิรพร กล่าวสรุป