Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

งานวิจัย ACN ชี้ “วัฒนธรรมแห่งความเสมอภาค” ปัจจัยเร่งนวัตกรรมองค์กร

งานวิจัยเอคเซนเชอร์ชี้ “วัฒนธรรมแห่งความเสมอภาค” เป็นปัจจัยเร่งให้เกิดนวัตกรรมในองค์กร ส่วนมุมของผู้บริหารไม่สอดคล้องกับพนักงาน ในแง่การส่งเสริมนวัตกรรม มองอนาคตปี 2028: การเปิดโอกาสให้พนักงานสร้างนวัตกรรมจะช่วยเพิ่มจีดีพีโลกได้ 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ

งานวิจัยชิ้นใหม่ของเอคเซนเชอร์ (ชื่อย่อในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก: ACN) ระบุว่า วัฒนธรรมแห่งความเสมอภาคในสถานที่ทำงาน เป็นปัจจัยเร่งอันทรงพลังที่ก่อให้เกิดนวัตกรรมและสร้างการเติบโตให้แก่องค์กร


 
นายนนทวัฒน์ พุ่มชูศรี กรรมการผู้จัดการ เอคเซนเชอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ในยุคที่มีการดิสรัปชั่นในหลายวงการ ธุรกิจและองค์กรต่าง ๆ จำต้องรับมือกับนวัตกรรมที่เกิดขึ้นต่อเนื่องให้ได้ ถึงจะประสบความสำเร็จ” 

งานวิจัยของเราแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า การดึงพลังวัฒนธรรมของที่ทำงานออกมาใช้ให้ได้ จะเป็นหัวใจของการเปิดศักยภาพ ขับเคลื่อนนวัตกรรมให้เกิดขึ้นทั่วทั้งองค์กร

งานวิจัยชิ้นนี้ชี้ชัดว่า ผู้บริหารส่วนใหญ่ทั่วโลกยอมรับถึงความสำคัญของการมีนวัตกรรมต่อเนื่อง โดยร้อยละ 95 มองว่านวัตกรรมมีความสำคัญต่อการสร้างความสามารถในการแข่งขันและความอยู่รอดของธุรกิจ และวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาคจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนแนวคิดด้านนวัตกรรม (innovation mindset) ได้อย่างทรงพลัง เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่งกว่าปัจจัยอื่นใดที่ทำให้องค์กรต่างกันไป เช่นด้วยลักษณะอุตสาหกรรม ประเทศ หรือลักษณะของกำลังแรงงาน จากการสำรวจกับกลุ่มคนทุกเพศ เพศสภาพ อายุ และเชื้อชาติ พบว่าผู้ที่มีแนวคิดเชิงส่งเสริมนวัตกรรมจะมาจากที่ทำงานที่มีวัฒนธรรมเสมอภาคกันมากกว่า


 
งานวิจัยใหม่ของเอคเซนเชอร์ได้ข้อมูลจากการสำรวจผู้ที่อยู่ในสาขาอาชีพต่าง ๆ กว่า 18,000 คนใน 27 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 1,400 คนในสหรัฐอเมริกา การสำรวจความคิดเห็นของผู้บริหารในระดับสูง (C-Suite) อีกกว่า 150 คนใน 8 ประเทศ รวมถึงใช้โมเดลที่รวมเอาผลสำรวจจากพนักงานกับข้อมูลด้านแรงงานที่เปิดเผยมาประมวล งานวิจัยชิ้นนี้ต่อยอดมาจากงานวิจัยในปี 2018 ของเอคเซนเชอร์ที่ระบุปัจจัยในที่ทำงาน 40 ประการที่เอื้อต่อการสร้างวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาค และจัดแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติได้จริง ได้แก่ ภาวะผู้นำที่เด็ดเดี่ยว (Bold Leadership) ปฏิบัติการที่เบ็ดเสร็จ (Comprehensive Action) และสภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาส (Empowering Environment)
 
งานวิจัยที่จัดทำปีนี้บ่งชี้ชัดว่า “สภาพแวดล้อมที่เปิดโอกาส” เป็นปัจจัยสนับสนุนวัฒนธรรมความเสมอภาคที่สำคัญที่สุดในการพัฒนาแนวคิดด้านนวัตกรรม ซึ่งเป็นแนวคิดที่ประกอบด้วยองค์ประกอบ 6 ด้าน คือ จุดมุ่งหมาย (purpose) ความเป็นอิสระ (autonomy) ทรัพยากร (resource) แรงบันดาลใจ (inspiration) การร่วมมือ (collaboration) และ การทดลอง (experimentation) หากสภาพแวดล้อมในที่ทำงานเปิดโอกาสให้แสดงความสามารถมาก ก็จะได้คะแนนแนวคิดเชิงนวัตกรรมมากขึ้นด้วย ตัวอย่างเช่น พนักงานสหรัฐฯ จากที่ทำงานที่มีวัฒนธรรมเสมอภาคกันอย่างเข้มข้น มีแนวโน้มจะยอมรับว่า ไม่มีสิ่งใดมาหยุดยั้งไม่ให้พวกเขาสร้างนวัตกรรม มากกว่าที่อื่นถึง 7 เท่า (ร้อยละ 44 ในกลุ่มที่มีวัฒนธรรมเสมอภาคกันมากที่สุด เปรียบเทียบกับ ร้อยละ 6 ในกลุ่มที่มีวัฒนธรรมเสมอภาคกันน้อยที่สุด)


 
ที่สำคัญคือ องค์กรจะต้องปิดช่องว่างสำคัญที่งานวิจัยนี้ค้นพบว่าเกิดขึ้นระหว่างผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) และพนักงาน ขณะที่ร้อยละ 76 ของผู้บริหารระดับสูงทั่วโลกกล่าวว่า ได้เปิดโอกาสให้พนักงานได้สร้างนวัตกรรมแล้ว แต่กลับมีพนักงานเพียงร้อยละ 42 ที่เห็นไปในทางเดียวกัน มีตัวอย่างเช่น ผู้บริหารทั้งหลายมักให้ค่ากับรางวัลที่เป็นตัวเงินมากเกินไป และนำมาใช้เป็นแรงจูงใจให้พนักงานสร้างนวัตกรรม ขณะที่กลับให้ค่ากับจุดมุ่งหมาย (purpose) น้อยเกินไป ในที่ทำงานที่มีวัฒนธรรมค่อนข้างเสมอภาคกัน พบว่าปัจจัยพื้นฐานสำคัญที่สุดต่อการสร้างแนวคิดเชิงนวัตกรรมนั้น จะต้องมีเรื่องการฝึกอบรมทักษะ เวลาการทำงานที่ยืดหยุ่น และการเคารพสมดุลระหว่างการทำงานและชีวิตส่วนตัว เข้ามาด้วย  
 
ความหลากหลายเป็นองค์ประกอบสำคัญ
เพียงแค่ปัจจัยด้านความหลากหลายอย่างเดียว (อาทิ ทีมผู้บริหารที่หลากหลาย และคนทำงานเพศต่าง ๆ ที่มีสัดส่วนสมดุล) ก็มีอิทธิพลอย่างมากต่อแนวคิดด้านนวัตกรรมแล้ว หากเป็นวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาค ก็ยิ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ที่จะส่งผลทวีคูณช่วยให้บริษัทพัฒนานวัตกรรมได้เต็มที่ งานวิจัยนี้พบว่าแนวคิดด้านนวัตกรรมของพนักงานในสหรัฐฯ นั้น จะเพิ่มขึ้นถึง 8 เท่า ถ้ารวมปัจจัยด้านความหลากหลายและวัฒนธรรมแห่งความเสมอภาคเข้าด้วยกัน โดยเทียบกับบริษัทที่ไม่ค่อยมีปัจจัยสองด้านนี้


 
เดิมพันสูงด้านเศรษฐกิจ
งานวิจัยชิ้นใหม่ยังพบว่า แนวความคิดด้านนวัตกรรมในเศรษฐกิจที่โตเร็วหรือผลิตภาพแรงงานเพิ่มขึ้นเร็ว จะแข็งแกร่งหรือเข้มข้นกว่าประเทศอื่น ดังนั้นจึงมีโอกาสที่ดีอีกมหาศาล เอคเซนเชอร์คำนวณว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือจีดีพีในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นไปถึงระดับมากกว่า 8 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ใน 10 ปีข้างหน้า ถ้าทุกประเทศมีแนวคิดด้านนวัตกรรมเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10
 
“การเร่งให้เกิดความเสมอภาคในที่ทำงานเพื่อผลักดันนวัตกรรม เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดแล้วในตอนนี้” นนทวัฒน์ กล่าว “ถ้าคนเรามีความรู้สึกร่วม มีความเป็นเจ้าของ และได้รับการเอาใจใส่จากนายจ้างตามความทุ่มเทอุตสาหะ ทัศนคติ และเงื่อนไขแวดล้อมต่าง ๆ ก็จะมีโอกาสพัฒนา เดินหน้า และกล้าใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้างนวัตกรรมนั่นเอง”
 
ติดตามอ่านรายงานผลการสำรวจจากทั่วโลกได้ที่ accenture.com/gettingtoequal


 
วิธีการวิจัย
ข้อมูลส่วนหนึ่งของงานวิจัย “Getting to Equal 2019” ได้มาจากการสำรวจออนไลน์กับบุคคลในสาขาอาชีพต่าง ๆ กว่า 18,000 คนจาก 27 ประเทศ ซึ่งรวมถึง 1,400 คนในสหรัฐฯ ในช่วงเดือนตุลาคม 2561 รวมถึงการสำรวจความคิดเห็นทางโทรศัพท์กับผู้บริหารระดับสูง (C-Suite) อีกกว่า 150 คนจาก 8 ประเทศ ในช่วงเดือนพฤศจิกายน และธันวาคม 2561

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Tuesday, 26 March 2019 03:59
ฐิตตา ธิติโรจธนกุล

Author : เกาะติดข่าวสุขภาพและความงาม แฟชั่น เครื่องสำอาง เครื่องประดับ การท่องเที่ยว ร้านอาหารและโรงแรม ไลฟ์สไตล์ การออกกำลังกาย การปั่นจักรยาน สินค้าไอที วิทยาศาสตร์ Innovation ฯลฯ

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

Zoomlion ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์งานเหมืองครบวงจร ชูการบริการหลังการขายที่เข้าใจลูกค้ายิ่งกว่าเดิม

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM