Login to your account

Username *
Password *
Remember Me

Create an account

Fields marked with an asterisk (*) are required.
Name *
Username *
Password *
Verify password *
Email *
Verify email *
Captcha *
Reload Captcha

Intelligent Building ด้วยระบบ MEP และเทคโนโลยี

โดย : บริษัท เคทีเอ็น เอ็มแอนด์อี จำกัด KTN M&E COMPANY LIMITED

ทุกวันนี้สิ่งที่จะพบเห็นอยู่เสมอตามถนนหนทางก็คือ ตึกระฟ้า หรือไม่ก็อาคารรูปทรงแปลก ซึ่งอาคารที่พบเห็นเหล่านี้ไม่เพียงแต่จะโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมภายนอกเท่านั้น แต่ยังแฝงไว้ซึ่งความทันสมัยในด้านเทคโนโลยี และสิ่งอำนวยความสะดวกในอาคารอีกด้วย ซึ่งอาคารในลักษณะนี้มักมีชื่อเรียกได้หลายชื่อตั้งแต่ “ตึกฉลาด” (Smart Building) “อาคารเทคโนโลยีชั้นสูง” (High Tech Building, High Tech Real Estate) แต่ชื่อที่ฮิตที่สุดที่ถูกเรียกคงจะเป็น “อาคารอัจฉริยะ” (Intelligent Building)

“Intelligent Building” หรือ “อาคารอัจฉริยะ” ตามนิยามของคำนี้หมายถึง อาคารที่ได้รับการออกแบบโดยใช้เทคนิคการก่อสร้างที่ก้าวหน้า มีความแตกต่างจากอาคารธรรมดาในทุกๆ แง่ มีการติดตั้งอุปกรณ์ที่รับรู้ข้อมูลต่างๆ ของอาคาร โดยมีการนำเอาระบบการทำงานของคอมพิวเตอร์มาเป็นสมองส่วนกลางควบคุมระบบต่างๆ ภายในอาคารให้เป็นไปอย่างอัตโนมัติ และเชื่อมโยงการทำงานของอุปกรณ์ที่ติดตั้งอยู่ในอาคารให้ทำงานเชื่อมประสานกันอย่างมีประสิทธิภาพสูงที่สุด มีระบบประสาทที่เป็นสายไฟฟ้า และสายสัญญาณ พร้อมอุปกรณ์ตรวจจับอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Sensors) อยู่ตามบริเวณต่างๆ ทั่วอาคาร คอยเป็นหูเป็นตาให้กับระบบคอมพิวเตอร์ที่จะสามารถตรวจสอบ, รายงานและควบคุมอุปกรณ์ของอาคารได้ตลอดเวลา ทั้งระบบไฟฟ้าแสงสว่าง ระบบลิฟต์ ระบบปรับอากาศ ระบบเตือนภัย ระบบดับเพลิง และระบบอื่นๆ เพื่อความคล่องตัวในการใช้อาคาร ซึ่งรวมไปถึงการที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเป็นพิเศษกว่าอาคารทั่วๆ ไป

อาคารทำงานได้คล้ายสิ่งมีชีวิต มีการรับรู้และสามารถตอบสนองกับสิ่งเร้าทั้งจากภายในและภายนอก อีกทั้ง สามารถปรับตัว ให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม เพื่อให้ตนเองมีการใช้ชีวิตได้อย่างปรกติสุขนั่นเอง

 

Intelligent Building มีดีที่ดีไซน์มากด้วยฟังก์ชั่น

การจัดลำดับความเป็นอาคารอัจฉริยะ

การกำหนดความฉลาดของมนุษย์นั้นเราใช้วิธีวัดเป็น ไอคิว ส่วนความฉลาดของอาคารอัจฉริยะนั้นเราสามารถ แบ่งระดับความฉลาดของอาคารออกเป็น 5 ระดับ (Level)โดยอ้างอิงจากหนังสือ “The Intelligent Building Sourcebook” มีรายละเอียดของแต่ละระดับดังนี้

ระดับที่ 0 (Level 0)

เป็นอาคารที่ถือว่าไม่มีความฉลาดเลย ไม่มีระบบคอมพิวเตอร์ควบคุมการใช้พลังงานและระบบลิฟต์ และอาจไม่มีระบบควบคุมความปลอดภัยอาคารระดับนี้ไม่ถือว่าเป็นอาคารอัจฉริยะ

ระดับที่ 1 (Level 1)

อาคารในระดับนี้ จะมีระบบคอมพิวเตอร์ช่วยควบคุมการใช้พลังงานของระบบปรับอากาศ ระบบลิฟต์ ระบบรักษาความปลอดภัย

ระดับที่ 2 (Level 2)

เหมือนในระดับที่ 1 แต่เพิ่มการให้บริการส่วนกลางต่างๆ เช่น ห้องประชุม ระบบทำสำเนาเอกสารกลาง และมีบริการระบบคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานจากส่วนกลาง

ระดับที่ 3 (Level 3)

เหมือนระดับที่ 2 แต่เพิ่มระบบสื่อสาร ระบบสื่อสารทางไกลด้านข้อมูลและเสียง และระบบโทรศัพท์ที่มีมาตรฐาน

ระดับที่ 4 (Level 4)

เหมือนระดับที่ 3 แต่เพิ่มระบบสำนักงานอัตโนมัติแบบเต็มรูปแบบ เช่น คอมพิวเตอร์ในสำนักงาน ระบบสื่อสารที่ทันสมัย การประชุมทางวีดีโอทางไกล ระบบสื่อสารทางไกลความเร็วสูงที่สามารถส่งข้อมูลและเสียง ระบบอินเตอร์เน็ต

ตัวอย่างอาคารอัจฉริยะในประเทศไทยที่ไม่ได้มีดีแค่ความฉลาดเพื่อสนองการใช้สอยของมนุษย์เพียงอย่างเดียว แต่อัดแน่นไปด้วยคุณภาพ คุณสมบัติ และฟังก์ชั่นด้านต่างๆ มากมาย พร้อมทั้งยังมีดีไซน์ที่สวยงามล้ำสมัย แถมมีรางวัลการันตีจากหน่วยงานที่เป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องสิ่งแวดล้อม คือ LEED (Leadership in Energy and Environmental Design : LEED) ของสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council : USGBC)พ่วงมาด้วย โดย LEED มีเกณฑ์วัดระดับความเป็นมิตรของอาคาร แบ่งออกเป็น 4 ระดับคือ Certified ,Silver, Gold และ Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุด ไปดูกันซิว่าอาคารเหล่านี้มีหน้าตารูปทรงอย่างไร และใช้สิ่งใดเป็นแนวความคิดการออกแบบ และก่อสร้างบ้าง

ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ (Park Ventures - The Ecoplex)

       เริ่มกันที่แห่งแรกกับ ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ (Park Ventures – The Ecoplex) อาคารที่มีดีกรีรางวัลระดับสูงสุดจาก LEED ในการเป็นอาคารอนุรักษ์พลังงาน สำหรับอาคารผสมผสาน (ระหว่างสำนักงาน โรงแรม และร้านค้า) “The first LEED® Platinum Mixed-use Building in Thailand” จึงเป็นอาคารอเนกประสงค์ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน อาคารเขียวระดับสูงสุด LEED Platinum แห่งแรกในประเทศไทย เป็นโครงการอนุรักษ์พลังงานใจกลางเพลินจิตซิตี้ บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ความสูง 34 ชั้น มีพื้นที่รวมทั้งสิ้น 81,400 ตร.ม. แบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ ได้แก่ สำนักงานให้เช่าระดับพรีเมี่ยม ตั้งแต่ชั้น 8-22 โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว สัญชาติญี่ปุ่นชั้นนำของโลก ‘ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ’ ชั้น 23-34 และพื้นที่ร้านค้า ชั้น 1-2 นับเป็นอาคารที่มีการออกแบบอันโดดเด่นด้วยเรื่องของสิ่งแวดล้อมภายใต้การออกแบบอย่างยั่งยืน ที่เรียกกันว่า Green Design ทั้งนี้แนวความคิดโดยรวมตั้งแต่ต้น ไปจนถึงองค์ประกอบต่างๆ ในการออกแบบที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเน้นการอนุรักษ์ ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่ามากที่สุดเป็นที่ตั้ง เพื่อตอบโจทย์ของการเป็นอาคารสมัยใหม่ และอาคารประหยัดพลังงานเข้าไว้ด้วยกัน

ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ (Park Ventures - The Ecoplex)

 สำหรับโครงการนี้มีการออกแบบอันโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมที่ได้รับแรงบันดาลใจ จากการประนมมือไหว้ และดอกบัว สะท้อนถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทยอันงดงาม แฝงด้วยความทันสมัยและมีระดับ ให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้อยู่อาศัย ด้วยคอนเซ็ปต์ที่ผสมผสานกันของบริบททางสังคม เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม โครงการปาร์คเวนเชอร์จึงเสมือนเป็นตัวแทนของอาคารแบบ Ecoplex ที่รวมเอาความเป็นธรรมชาติมาไว้ในการออกแบบภูมิทัศน์อย่างใส่ใจต่อสิ่งแวดล้อม ผสมผสานกับการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ซึ่งคุณสมบัติของปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์ ที่ทำให้แตกต่างจากอาคารทั่วไป จนผ่านมาตรฐาน LEED ระดับสูงสุด คือ

ปาร์คเวนเชอร์ ดิ อีโคเพล็กซ์ (Park Ventures - The Ecoplex)

 

• พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ คิดเป็นร้อยละ 25 ของพื้นที่ภายในโครงการ

• ทำเลที่ตั้งโครงการ เชื่อมตรงจากรถไฟฟ้าสถานีเพลินจิต ช่วยลดปริมาณการใช้รถยนต์ของผู้อยู่อาศัย อีกทั้งยังสนับสนุนการใช้ยานพาหนะที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วยที่จอดรถพิเศษสำหรับผู้ใช้รถยนต์อีโคคาร์และรถจักรยาน

• กระจกอนุรักษ์พลังงาน เป็นกระจก 3 ชั้น (Laminated and Insulated Glass with Low E Coating) ที่มีช่องอากาศอยู่ระหว่างกลาง และเคลือบสารพิเศษที่มีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณเสียง แสงแดด และความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร

• ระบบปรับอากาศที่ออกแบบเพื่อควบคุมปริมาณลมเย็นให้พอเพียงกับความร้อนในแต่ละพื้นที่ (Variable Air Volume Control System) จึงช่วยลดการใช้พลังงานของระบบทำความเย็นได้มากขึ้น และช่วยให้ผู้อาศัยในอาคารรู้สึกสบายกับอุณหภูมิที่คงที่ทุกพื้นที่

เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (Energy Complex : Enco)

• ระบบควบคุมคุณภาพอากาศภายในอาคาร และลดมลพิษของอากาศภายในอาคาร (Indoor Air Quality) โดยการติดตั้ง CO2 Sensor เซ็นเซอร์ตรวจจับค่าคาร์บอนไดออกไซด์ในพื้นที่ต่างๆ หากมีค่ามากเกินไป พัดลมจะทำการดูดอากาศบริสุทธิ์ให้เข้ามาหมุนเวียนภายในพื้นที่อาคาร

• ระบบปรับระดับแสงภายในอาคารให้เหมาะสมกับแสงสว่างธรรมชาติ (Automatic Dimmer) จะช่วยหรี่แสงสว่างของไฟภายในตัวอาคารที่มากเกินความจำเป็นโดยอัตโนมัติ

• ระบบบำบัดน้ำที่สามารถนำน้ำที่ใช้แล้วภายในอาคาร มาบำบัดและหมุนเวียนกลับมาใช้ใหม่ (Gray Water Reuse) รวมถึงรดน้ำต้นไม้ภายในโครงการ เพื่อลดปริมาณการใช้น้ำประปา

• ระบบอาคารอัตโนมัติ (Building Automatic System) ที่เชื่อมต่อ ควบคุม และบริหารจัดการทางวิศวกรรม งานระบบต่างๆ ภายในอาคาร รวมถึงช่วยในการตรวจวัด และควมคุมการใช้พลังงาน

• ระบบลิฟท์อัจฉริยะ (Intelligent Lift System) ที่จะช่วยบริหารจัดการ ให้ผู้โดยสารสามารถเดินทางไปยังชั้นที่ต้องการได้รวดเร็วยิ่งขึ้น จึงช่วยประหยัดพลังงานได้มากถึงร้อยละ 30 จากระบบปกติ

เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (Energy Complex : Enco)

เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ (Energy Complex : Enco) เป็นอาคารอนุรักษ์พลังงานที่ได้ใบรับรองมาตรฐานอาคารอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ LEED ประเภท Core & Shell Version 2.0 ในระดับ Platinum ซึ่งเป็นระดับสูงสุดตามเกณฑ์ LEED และยังเป็นอาคารแห่งแรกของประเทศไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงยังเป็นกลุ่มอาคารสำนักงานและพาณิชย์ (Office and Commercial Multiple Building Complex) แห่งแรกนอกสหรัฐอเมริกาที่ได้รับมาตรฐานนี้อีกด้วย (ได้รับการรับรองเมื่อ 17 กรกฎาคม 2553) เป็นอาคารสำนักงานของกลุ่มบริษัทปตท. ตั้งอยู่บนเนื้อที่ประมาณ 29 ไร่ หลังอาคารสำนักงานใหญ่ ปตท. มีขนาดโครงการทั้งหมดประมาณ 30,000 ตร.ม. ประกอบด้วยอาคารสำนักงานจำนวน 2 อาคาร โดยอาคาร A เป็นอาคารสำนักงานของบริษัทในกุล่มปตท. และบริษัทในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง ส่วนอาคาร B เป็นอาคารสำนักงานของกระทรวงพลังงาน

Energy Complex : Enco

แนวคิดในการออกแบบอาคารที่มีปลายยอดแหลมมาจากรูปทรงของเปลวไฟในลักษณะที่พวยพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า สื่อถึงความเจริญก้าวหน้าและความโชติช่วงขององค์กร รวมถึงผังของอาคารที่เป็นรูปทรงหยดน้ำมัน 2 หยดหันเข้าหากัน ที่สะท้อนความเป็นเอกลักษณ์ขององค์กรด้านพลังงาน ทั้งยังตอบโจทย์ด้านการอนุรักษ์พลังงาน เพราะผนังอาคารมีผิวโค้งตามหลักอากาศพลศาสตร์ ช่วยลดความร้อนด้านนอกอาคาร ทำให้เกิดภาวะสบายต่อผู้ใช้อาคาร ทั้งยังคำนึงถึงความมั่นคงและปลอดภัยของอาคาร โดยนำผลการทดสอบอุโมงค์ลมที่ทดสอบแรงดันลมที่จุดต่าง ๆ ของผิวโค้งของอาคารในทุกทิศทางมาใช้ในการออกแบบต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง

ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์มีแนวคิดหลักในการออกแบบ คือ การเป็นต้นแบบในการอนุรักษ์พลังงานและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยการออกแบบและสร้างสรรค์ให้เป็นทั้งอาคารยั่งยืน (Sustainable Building) อาคารอัจฉริยะ (Intelligent Building) มีความปลอดภัยสูง มีสภาพแวดล้อมที่ดี รวมทั้งเป็นอาคารเขียว (Green Building) ตามมาตรฐาน LEED และมาตรฐาน ASHRAE 90.1 Version 2004 ที่ใช้เทคโนโลยีและการออกแบบด้านสถาปัตยกรรมเพื่อช่วยประหยัดพลังงานสูงสุด โดยออกแบบให้ใช้พลังงานไม่เกิน 100 กิโลวัตต์-ชั่วโมงต่อตารางเมตรต่อปี (100 kWh/m2/yr.) และยังมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยมีลักษณะเด่น ดังนี้

Energy Complex : Enco

• นวัตกรรมการออกแบบที่สามารถใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทำให้มีพื้นที่โล่งนอกอาคารสูงกว่าข้อบัญญัติกรุงเทพมหานครที่กำหนดให้ต้องมีพื้นที่โล่งไม่ต่ำกว่า 10% ของพื้นที่ แต่ศูนย์เอนเนอร์ยี่คอมเพล็กซ์มีพื้นที่โล่งและพื้นที่สีเขียวรวมสูงกว่าที่กำหนดถึง 287%

• ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของผู้ใช้อาคาร โดยนำเทคโนโลยีสารสนเทศที่ทันสมัยมาร่วมบริหารจัดการทุกระบบของอาคาร นอกจากนี้โครงสร้างอาคารยังได้รับการออกแบบตามมาตรฐานสากล ให้สามารถรองรับแผ่นดินไหวขนาด 7.2 ริกเตอร์-สเกล จากจุดศูนย์กลางของแผ่นดินไหวบริเวณรอยเลื่อนที่จังหวัดกาญจนบุรี

• ระบบตรวจวัดปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ CO2 Sensor ถูกนำมาติดตั้งที่ท่อส่งลมกลับ (Return Air Duct) โดยทำหน้าที่ตรวจวัดปริมาณคาร์บอนไดออกไซด์ เมื่อพบว่ามีปริมาณสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนด ก็จะสั่งให้ระบบช่องรับอากาศเข้า (Fresh Air Intake Damper) เปิดรับอากาศบริสุทธิ์เข้ามา เพื่อให้เกิดสภาวะอากาศที่สบายและเหมาะกับการทำงานให้กับผู้ใช้อาคาร

• ระบบแลกเปลี่ยนความร้อนจากอากาศที่ใช้แล้วจากอากาศสู่อากาศ (Air to-Air Heat Exchanger) เพื่อนำอากาศเย็นที่ใช้แล้วมาทำให้เกิดประโยชน์สูงสุด เป็นการลดภาระของระบบปรับอากาศได้ดี จึงช่วยลดการใช้พลังงานและสามารถลดขนาดของเครื่องปรับอากาศลงได้ ตลอดจนช่วยลดพื้นที่ติดตั้งสำหรับอุปกรณ์จ่ายความเย็น (Air Handling Equipment) อีกด้วย

• หลังคาสีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้เพื่อเป็นฉนวนกันความร้อนธรรมชาติ เพิ่มอากาศบริสุทธิ์และสร้างสภาพแวดล้อมที่สวยงาม

• รีไซเคิลระบบประปาและสุขาภิบาล มีการนำน้ำที่ใช้แล้วมาปรับคุณภาพ เพื่อใช้ซ้ำกับระบบสุขภัณฑ์ต่างๆ มีระบบกักเก็บน้ำฝนเพื่อใช้รดน้ำต้นไม้ และเลือกใช้พันธุ์ไม้พื้นเมืองที่ต้องการน้ำน้อย ทำให้สามารถนำน้ำมาใช้ซ้ำได้กว่า 90% และประหยัดการใช้น้ำประปาได้ถึง 55.3%

• ศูนย์อาหารภายใน เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์ จะใช้ก๊าซธรรมชาติทดแทนก๊าซหุงต้มในการประกอบอาหาร ซึ่งถือเป็นตัวอย่างแห่งแรกของการใช้ก๊าซธรรมชาติในภาคพาณิชย์

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าเทคโนโลยีด้านการสร้างตึกอัจฉริยะจะก้าวไกลไปสักเพียงใด ก็ยังคงหนีไม่พ้นการดำเนินงานโดยคน เครื่องจักรอาจคิดแทนคนได้ แต่หากเมื่อเกิดความเสียหายมันคงยังซ่อมตัวเองไม่ได้ ต้องใช้คนดูแลซ่อมแซมให้อยู่ดี ทั้งนี้ อุปกรณ์จะสามารถใช้งานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ การดูแลรักษาอาคารให้มีความสมบูรณ์พร้อมรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด

บริษัท เคทีเอ็น เอ็มแอนด์อี จำกัด (KTN M&E COMPANY LIMITED ก่อตั้งโดยกลุ่มวิศวกรที่มีความชํานาญเฉพาะทางด้านธุรกิจรับเหมาติดต้ังงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกลและงานวิศวกรรมระบบสาธารณูปโภคประกอบอาคาร หรือที่รวมเรียกว่า MEP (Mechanical, Electrical and Plumbing Engineering) โดยบริษัทฯเป็นผู้ให้บริการรับเหมาติดตั้งงานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล (MEP) โดยขอบเขตการให้บริการของบริษัทฯจะครอบคลุมตั้งแต่ งานรายละเอียดทางวิศวกรรม (Detailed Engineering) การจัดหาวัตถุดิบ (Procurement) และงานรับเหมาติดต้ังระบบไฟฟ้า ระบบสื่อสาร,ระบบสุขาภิบาลและระบบ ป้องกันอัคคีภัย และระบบปรับอากาศ (Construction) โดยมีลูกค้าหลักอยู่ใน กลุ่มห้างสรรพสินค้าและค้าปลีก กลุ่มอาคาร ห้องชุดเพื่อการพักอาศัย อาคารสํานักงาน กลุ่มโรงพยาบาล กลุ่มมหาวิทยาลัย และกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรม ทั้งจากภาครัฐ และเอกชน

เราเติบโตไปพร้อมกับการขยายธุรกิจของลูกค้า เราได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าโดยเสมอมา อันแสดงถึงความเชื่อมั่น ในความรับผิดชอบ ต่องานที่ได้รับมอบหมาย เราพึงตระหนักถึงความไว้วางใจนี้ และมุ่งมั่นที่จะรักษาคุณภาพการบริการให้ยั่งยืนตลอดไป เราซื่อสัตย์และซื่อตรง บริการลูกค้าด้วยความจริงใจเสมอมา

บริษัท เคทีเอ็น เอ็มแอนด์อี จำกัด
KTN M&E COMPANY LIMITED
1056/111 ถนนรามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานคร

Email: This email address is being protected from spambots. You need JavaScript enabled to view it.
094-653-5919,081-7690128

Rate this item
(0 votes)
Last modified on Friday, 04 October 2019 04:47
อัญชลี ปรีชาธนพันธ์

Author : ประสบการณ์งานข่าวภาคสนามร่วมสิบปี เชี่ยวชาญงานข่าวสด งานสัมภาษณ์ สอบถาม เข้าร่วมฟังในที่ประชุมแถลงข่าว การสัมมนา ติดตามเหตุการณ์ คดีต่างๆ หรือปฏิบัติงานตามที่ได้รับมอบหมายให้ทำข่าว

Leave a comment

Make sure you enter all the required information, indicated by an asterisk (*). HTML code is not allowed.


  

Tweet Feed

Post Gallery

Zoomlion ประเทศไทย เปิดตัวผลิตภัณฑ์งานเหมืองครบวงจร ชูการบริการหลังการขายที่เข้าใจลูกค้ายิ่งกว่าเดิม

“คุณภาพของงาน การบริการที่ดี ตอบสนองทันใจ” คือหัวใจความสำเร็จของบริษัท พรีเมี่ยม ดีไซน์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด

เลือกผู้รับเหมาอย่างไรให้ได้งานสำเร็จ

ESC ปิดหีบสำเร็จตามเป้า มุ่งรณรงค์ลดการเผาอ้อย ชูแนวคิด Full Integrated System เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน

Zoomlion ประเทศไทยฉลองครบรอบ 9 ปี เปิดตัวศูนย์บริการสาขานครสวรรค์อย่างยิ่งใหญ่!

ซีพี ติดอันดับความยั่งยืนโลก ระดับ “Top 5 %” จาก S&P Global ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ชูจุดเด่นเป็นผู้นำด้านสิ่งแวดล้อม มุ่งมั่นสร้างความมั่นคงทางอาหารอย่างยั่งยืน

STEC ปรับกลยุทธ์ “Move To The Next Chapter” มุ่งพัฒนาต่อยอด New S-Curve เน้น Backlog แสนล้าน วางนโยบายองค์กร ตอบแทนสังคม มอบอาคารชาญวีรกูลที่ 71

Thaifoods Fresh Market โตสวนกระแส ครบ 350 สาขาตามเป้า, TFG จับมือ CooperL ตั้ง TFNG ดำเนินธุรกิจฟาร์มสุกรปู่ทวดพันธุ์ ด้วยงบลงทุนกว่า 746 ล้านบาท

TTA ต่อยอดธุรกิจขนส่งทางเรือ เข้าถือหุ้น 100% "ไทแทน แทงเกอร์" รุกธุรกิจผลิตน้ำมันดิบ เข้าถือหุ้น 10.14% "แวลูร่า เอ็นเนอร์ยี่" Q3/66 กำไร 374.8 ล้านบาท

X

ลิขสิทธิ์ของ IM

ห้ามผู้ใดทำซ้ำ คัดลอก ลอกเลียน ดัดแปลง ปลอมแปลง จัดเผยแพร่ เรียกดึงข้อมูล บันทึก ส่งผ่าน หรือกระทำการใดๆ ที่ละเมิดสิทธิและทรัพย์สินทางปัญญาของ IM